“เคสโทรศัพท์” ใส่หรือไม่ใส่ จำเป็นจริงไหมกับการใช้งานมือถือ
Technology & Innovation

“เคสโทรศัพท์” ใส่หรือไม่ใส่ จำเป็นจริงไหมกับการใช้งานมือถือ

  • 29 Feb 2024
  • 536

ทุกวันนี้ไม่มีใครไม่มี “โทรศัพท์มือถือ” เพราะมันเป็นมากกว่าความมหัศจรรย์ทางเทคโนโลยีที่ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตของเราไปเสียแล้ว ดังที่ WGSN (World Global Style Network) ฐานข้อมูลการคาดการณ์แนวโน้มระดับโลกได้เผยข้อมูลการใช้งานโทรศัพท์ในปัจจุบันไว้ว่า “ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ก็เหมือนไม่มีชีวิต” เพราะสถานการณ์การใช้งานโทรศัพท์ในปัจจุบันได้เข้ามาอยู่ในทุกแง่มุมชีวิตของผู้คนทั่วโลกไปแล้ว 

เป็นที่แน่นอนว่า โทรศัพท์มือถือของทุกคนไม่ได้แข็งแรงขนาดที่จะไม่เป็นอะไรเลยตลอดการใช้งาน โทรศัพท์เองก็ต้องการการได้รับความทะนุถนอมเหมือนสิ่งของมีค่าอื่น ๆ หลายคนจึงเลือกใส่ “เคสโทรศัพท์” เพื่อช่วยคงสภาพภายนอกให้สวยงามเหมือนใหม่ไว้เสมอ นอกจากนี้ เคสโทรศัพท์ยังถูกพัฒนาให้ตอบสนองรสนิยมและไลฟ์สไตล์การใช้งานของแต่ละบุคคลอีกด้วย ขณะเดียวกันก็ใช่ว่าทุกคนจะเลือกใช้เคสโทรศัพท์เสมอไป เพราะบางคนก็ชื่นชอบความสวยงามตามรูปลักษณ์เดิม ๆ โดยไม่ต้องมีอะไรมาปิดบังไว้ หรือพึงพอใจหากโทรศัพท์จะมีร่องรอยการใช้งานที่เกิดขึ้นจากตัวเอง

และอะไรคือความเป็นไปได้ของคนทั้งสองกลุ่มนี้ มาลองสำรวจ พร้อมหาแนวร่วมความจำเป็นหรือความไม่จำเป็นของการใส่ “เคสโทรศัพท์” อุปกรณ์เสริมคู่กายของโทรศัพท์มือถือไปด้วยกัน


Burst / Pexels

“เคสโทรศัพท์” อุปกรณ์เสริมคู่กายโทรศัพท์มือถือ
เคสโทรศัพท์ คือหนึ่งในอุปกรณ์เสริมสำหรับโทรศัพท์มือถือที่ช่วยป้องกันการกระแทกหรือช่วยซับแรงเมื่อมือถือเกิดอุบัติเหตุตกหล่นลงบนพื้นผิวในบริเวณต่าง ๆ 

จากจุดประสงค์แรกคือเพื่อป้องกันการกระแทกเพียงอย่างเดียว สู่การพัฒนาเคสโทรศัพท์ให้เป็นนวัตกรรมที่ผสมผสานระหว่างฟังก์ชันการใช้งานและรสนิยมความชอบตามกระแสนิยมโดยรวม เคสโทรศัพท์จึงเป็นมากกว่าอุปกรณ์เสริมป้องกันการกระแทก แต่ยังเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์และไลฟ์สไตล์ของเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนั้น ๆ ด้วย 

ลักษมี อัครวาล (Laxmi Agrawal) จาก Cupertino iPhone Repair และ แซม โชแมน (Sam Shoman) จาก SF Smart Wireless ช่างซ่อมโทรศัพท์ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์ wired.com เกี่ยวกับปัญหาโทรศัพท์ที่พบบ่อยที่สุดของลูกค้าว่า ลูกค้าส่วนใหญ่มักมาซ่อมโทรศัพท์เนื่องจากหน้าจอและมุมโทรศัพท์แตกร้าว ซึ่งทั้งสองก็ได้ให้คำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันในระดับพื้นฐานว่าเป็นการใส่เคสโทรศัพท์ เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น 

ตามปกติแล้ว โทรศัพท์แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อจะมีความทนทานต่อการตกพื้นไม่เท่ากัน หลายคนจึงเลือกที่จะใส่เคสไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย และแน่นอนว่าเคสแต่ละชนิดก็ช่วยป้องกันตัวเครื่องได้แตกต่างกันตามวัสดุที่ใช้ โดยปัจจัยที่ทำให้ผู้คนหันมาเลือกใส่เคสกันมากกว่าเดิม นั่นคือ การป้องกันไม่ให้โทรศัพท์เกิดรอยขีดข่วนหรือรอยแตกร้าวได้ง่าย ทำให้โทรศัพท์ดูใหม่ คงสภาพความสวยงามของตัวเครื่อง และลดการเสื่อมสภาพของสีเครื่องไม่ให้หลุดลอกได้ง่าย และการใส่เคสมือถือก็ยังช่วยเพิ่มความสวยงามโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวและสะท้อนรสนิยมของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นการป้องกันสิ่งสกปรกไม่ให้สัมผัสกับผิววัสดุโดยตรง ซึ่งช่วยป้องกันการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและเศษฝุ่นไม่ให้เข้าไปด้านในตัวเครื่องจนเกิดความเสียหายตามมาได้ นอกจากนี้ เคสบางยี่ห้อบางรุ่นมีการออกแบบมาให้มีฟังก์ชันการใช้งานที่เพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้งานมากขึ้น เช่น มีช่องสำหรับใส่แบงค์ บัตรเครดิต หรือบัตรประชาชนได้เหมือนกระเป๋าสตางค์ มีแบตเตอรี่สำรองภายในตัวเคส ทำให้ไม่ต้องคอยพกพาวเวอร์แบงค์แยกให้เกะกะ เป็นต้น


Tyler Lastovich / Pexels

โทรศัพท์สวยงามได้ด้วยตัวมันเอง ไม่จำเป็นต้องใส่ “เคส”
ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะใส่เคสโทรศัพท์เสมอไป ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีข่าวตามโซเชียลมีเดียจากคนดังหรือมหาเศรษฐีที่บังเอิญถูกถ่ายภาพและเผยให้เห็นการดำเนินชีวิตชีวิตขณะใช้โทรศัพท์ที่ไม่ใส่เคส ไม่ว่าจะเป็น อีลอน มัสก์ ที่ ยกโทรศัพท์ขึ้นระหว่างการแถลงข่าวที่ SpaceX Starbase ในบราวน์สวิลล์ รัฐเท็กซัส เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2022 หรือ เจซี (Jay-Z) ซึ่งอยู่ข้างสนามก่อนเกมที่ SoFi Stadium ในอิงเกิลวูด แคลิฟอร์เนีย วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2022 จะเริ่มขึ้น ซึ่งทั้งคู่ต่างถูกถ่ายภาพขณะใช้โทรศัพท์ที่ไม่มีเคสอยู่ในมืออันสะท้อนความสวยงามของโทรศัพท์แบบ “no-case” 

ข้อบ่งชี้อย่างหนึ่งของการใช้โทรศัพท์แบบไม่ใส่เคสนั้นจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ล่าสุดของความมั่งคั่งที่บ่งบอกถึงสถานะการเงินที่ร่ำรวยและไร้ความกังวลหากโทรศัพท์จะแตกหรือพังจากการหล่นกระแทกพื้น เพราะพวกเขาสามารถซื้อใหม่ได้อย่างง่ายดาย “แม้จะอยู่เหนือความเป็นไปได้ที่ไม่รู้ว่าโทรศัพท์จะเกิดความเสียหายตอนไหน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะสามารถหาซื้อหรือเปลี่ยนใหม่ได้ในทันที” คิท ยาร์โรว์ (Kit Yarrow) นักจิตวิทยาผู้บริโภคกล่าว

ไม่ใช่เพียงคนมีชื่อเสียงหรือมหาเศรษฐีที่ใช้โทรศัพท์โดยไม่ใส่เคส ยังมีผู้คนทั่วไปจำนวนมากเลือกที่จะไม่ใส่เคสเช่นเดียวกัน แม้ว่าการดำเนินชีวิตประจำวันนั้นอาจมีสร้างความเสียหายใหักับโทรศัพท์ได้ก็ตาม สะท้อนถึงข้อบ่งชี้ถัดมา นั่นคือ พวกเขาพึงพอใจในความสวยงามและความพรีเมียมแบบเดิมของโทรศัพท์

เมลิสซา เซเปดา (Melissa Cepeda) นักบัญชีในลอสแอนเจลิสที่มักทำหน้าจอมือถือแตก แต่ก็ยังเลือกที่จะไม่ใส่เคส ได้ให้ความคิดเห็นว่า “มันเป็นความสวยงามท่ามกลางความโฉบเฉี่ยวในแบบของมันเอง ถึงจะแตกร้าว ก็ยังสวยงามอยู่ดี” 

โธไม เซอร์ดารี (Thomaï Serdari) ผู้อำนวยการโครงการ Fashion & Luxury MBA ของมหาวิทยาลัยนิวยอร์กก็เป็นอีกคนที่ไม่ใส่เคสมือถือ โดยให้ความเห็นว่า “การไม่ใส่เคสโทรศัพท์เป็นรสนิยมอย่างหนึ่ง ซึ่งการใช้โทรศัพท์โดยไม่ใส่เคสนั้นยังสะท้อนถึงคุณค่าของการออกแบบและความสวยงามเดิมของโทรศัพท์ โทรศัพท์สวยงามได้ด้วยตัวมันเอง โดยไม่จำเป็นต้องใส่เคส เพราะการใส่เคสไม่ต่างจากการทำลายสภาพเดิมอันเรียบง่าย สวยงาม และพรีเมียมของตัวเครื่อง” 

นอกจากนี้ ข้อบ่งชี้ของการไม่ใส่เคสโทรศัพท์ยังบ่งบอกถึงความต้องการความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตบางอย่างของบุคคลนั้น ๆ อีกด้วย โธไม เซอร์ดารี ได้ให้ความเห็นเพิ่มไว้ว่า “เพียงเพราะการใส่เคสสามารถสะสมสิ่งสกปรกตามซอกมุมต่าง ๆ ที่ยากต่อการทำความสะอาด หรือบางครั้งการใส่เคสก็ทำให้โทรศัพท์มีขนาดใหญ่กว่าปกติ หลายคนจึงเลือกที่จะไม่ใส่เคสโทรศัพท์ ซึ่งล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องความสะดวกสบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของแต่ละบุคคล” นั่นเอง


Sound On / Pexels

ไม่จำเป็นต้องใส่ “เคส” จริงหรือ? 
iMoD สื่อออนไลน์ที่คอยอัปเดตข่าวสารเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่น่าสนใจในวงการเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างก้าวกระโดด รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ พร้อมคำแนะนำด้านการใช้งานและการซื้อ ได้เผยเหตุผลที่ “ไม่จำเป็น” ต้องใส่เคสโทรศัพท์ หรือติดฟิล์มกันกระแทกไว้ดังต่อไปนี้

เหตุผลที่ 1 เพราะโทรศัพท์บางยี่ห้อบางรุ่นนั้นมีความแข็งแรงทนทานอยู่แล้ว อย่างเช่น iPhone รุ่นใหม่ที่มีหน้าจอแบบ Ceramic Shield ที่ทำให้หน้าจอมีความแข็งแกร่งมากขึ้น 4 เท่า ขอบตัวเครื่องใช้ขอบอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ ทำให้ตัวเครื่องมีความบางเบา แต่แข็งแรงไม่หักไม่งอง่ายอีกต่อไป

เหตุผลที่ 2 การใส่เคสอาจเป็นการทำร้ายตัวเครื่องได้ เมื่อใช้งานโทรศัพท์นานเกินไปอาจทำให้เครื่องร้อน หากมีการใส่เคสยิ่งเป็นการสะสมความร้อนอยู่ด้านในเคส ซึ่งส่งผลต่อแบตเตอรี่ในเครื่องให้เสื่อมสภาพการใช้งานเร็วขึ้น

เหตุผลที่ 3 เคสเป็นตัวเก็บฝุ่นและเชื้อโรค จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยแอริโซน่า ในสหรัฐอเมริกา กล่าวไว้ว่า เคสโทรศัพท์มีการสะสมเชื้อโรคซึ่งมีความสกปรกยิ่งกว่าห้องน้ำสาธารณะเสียอีก เนื่องจากผู้คนมีการใช้โทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา มิหนำซ้ำอาจเป็นการนำพาเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายเจ้าของโทรศัพท์ตามมาได้ ทั้งสิ้นควรมีการทำความสะอาดโทรศัพท์ เพื่อความปลอดภัยของตัวเครื่องและผู้ใช้งาน

เหตุผลที่ 4 เคสทำให้โทรศัพท์หนาและหนักขึ้น ซึ่งลำบากเวลาพกพาโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าถือ กระเป๋ากางเกง หรือกระเป๋าเสื้อ 

เหตุผลที่ 5 เคสทำให้การชาร์จแบตมีความยากขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับรูปแบบดีไซน์ของแต่ละเคสอีกที

เหตุผลที่ 6 ใส่เคสแล้วใช้งานยากขึ้น ทำให้พฤติกรรมการจับโทรศัพท์และการวางนิ้วในการสัมผัสหน้าจอมีการเปลี่ยนแปลงไปตามรูปแบบดีไซน์ของเคสโทรศัพท์ รวมถึงการใส่เคสอาจทำให้ฟีเจอร์บางอย่างใช้งานไม่ได้ เนื่องด้วยตัวเคสที่หนาเกินไปหรือมีรูปแบบที่ไม่รองรับการใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าว

เหตุผลที่ 7 การซื้อเคสมาใส่ ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เคสบางยี่ห้อบางดีไซน์มีราคาแพงแต่ไม่สามารถป้องกันการกระแทกของโทรศัพท์ได้เท่าที่ควรจะเป็น รวมถึงบางเคสยังเก่าเหลืองหรือเกิดร่องรอยได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้ต้องเปลี่ยนเคสใหม่อยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ตลาดเคสโทรศัพท์มีการพัฒนาเคสรูปแบบใหม่ดีไซน์ใหม่อยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดการซื้อเคสใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการเบื้องต้นของแต่ละบุคคลอย่างไม่รู้จบ 

เหตุผลที่ 8 การใส่เคสทำให้บดบังความสวยงามและความพรีเมียมของตัวเครื่องได้ 

ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับข้อพิจารณาตามรสนิยม ความชื่นชอบ และความเหมาะสมตามไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตของแต่ละบุคคลด้วยนั่นเอง

การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเคสโทรศัพท์ สู่แนวโน้มความเป็นไปได้ในอนาคต
ในปัจจุบันเคสโทรศัพท์ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามความนิยมของโทรศัพท์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่การปกป้องโทรศัพท์ขั้นพื้นฐานจนถึงการพัฒนารูปลักษณ์และวัสดุ ตลอดจนการพัฒนาฟังก์ชันการใช้งานที่ครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้ เคสโทรศัพท์จึงค่อย ๆ กลายเป็น "ความต้องการที่จำเป็น" สำหรับผู้ใช้งานมากขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการเคสโทรศัพท์ที่แตกต่างกันออกไป ตลาดเคสโทรศัพท์จึงเกิดการแข่งขันสูงขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน โดยผลสำรวจ Verified Market Research ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและที่ปรึกษาคาดการณ์ว่า ตลาดเคสโทรศัพท์ทั่วโลกจะเติบโตขึ้นถึง 35.81 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2028 เพิ่มขึ้นจาก 21.61 พันล้านเหรียญในปี 2020 ที่ผ่านมา


Arun Thomas / Pexels

เพื่อตอบสนองความต้องการเคสโทรศัพท์ที่แตกต่าง บริษัทและแบรนด์ชั้นนำจึงนำเสนอโซลูชันเคสแบบใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อเป็นเคสทางเลือกให้กับผู้ใช้ได้เลือกสรรตามความต้องการ หรือตามวัฒนธรรมสมัยนิยมในช่วงเวลานั้น ตัวอย่างเช่น เคสแบตสำรอง เป็นอุปกรณ์เก็บพลังงานที่ไว้ใช้สำรองชาร์จมือถือในรูปแบบของเคสมือถือเพื่อแก้ปัญหาสำหรับแบตเตอรี่หมดในระหว่างการใช้งาน สามารถพกพาไปในสถานที่ต่าง ๆ และช่วยชาร์จมือถือให้เต็มได้เพียงแค่สวมเคสเข้าไป ทั้งยังเพิ่มพื้นที่ให้กับกระเป๋าไม่ต้องคอยพกพาวเวอร์แบงก์แยกให้เกะกะอีกต่อไป เคสใส่บัตรหรือธนบัตร ที่ทำหน้าเหมือนกระเป๋าสตางค์ โดยบริเวณด้านหลังเคสจะมีช่องสำหรับใส่ธนบัตรและบัตรต่าง ๆ เหมาะสำหรับคนไม่ชอบพกกระเป๋าสตางค์หรือมีบัตรที่ใช้ประจำอยู่ไม่กี่ใบ หรือเคสที่ออกแบบให้จับได้ง่ายตามหลักสรีรศาสตร์หรือเคสที่มีช่องห้อยพวงกุญแจ ที่ช่วยป้องกันการหล่นหรือตกกระแทกบนพื้นผิวต่าง ๆ ได้มากกว่าที่เคย 

และในปี 2019 ยังมีนวัตกรรมสุดฮาอย่างเคสช้อนส้อม Sphoon_Phork ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้รับประทานอาหารได้โดยไม่ต้องวางหรือละสายตาจากโทรศัพท์ โดยด้านหลังตัวเคสจะมีที่เสียบช้อนและส้อมติดไว้ เมื่อถึงเวลาอาหารก็สามารถดึงช้อนหรือส้อมออกมาเสียบบริเวณช่องชาร์จแบตของโทรศัพท์เพื่อใช้เป็นช้อนหรือส้อมรับประทานอาหารได้ทันที โดยนวัตกรรมนี้ยังถูกสร้างมาเพื่อลดขยะจากช้อนและส้อมพลาสติก ที่ให้ผู้ใช้ได้ใช้ช้อนและส้อมที่เป็นมิตรกับธรรมชาติแบบไม่จำกัดครั้งอีกด้วย


SCREEN POST / Pexels

นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งนวัตกรรมเคสที่กำลังเป็นกระแสมาแรงอย่าง เคสลิปสติก (Lip Case) ของเฮลีย์ บีเบอร์ (Hailey Bieber) ที่ได้สร้างความฮือฮาในโลกออนไลน์ เมื่อเธอโพสต์ภาพเซลฟี่แบบกระจกพร้อมเคสโทรศัพท์แบบใหม่ที่กลายเป็นหนึ่งในนวัตกรรมเพื่อผู้หญิงสมัยใหม่ให้สามารถพกพาลิปสติปได้โดยไม่ต้องพกกระเป๋าอีกเลย แม้ว่าเคสลิปสติกดังกล่าวจะใส่ได้เพียงลิปบาล์ม Rhode แบรนด์ความงามของเฮลีย์ บีเบอร์เท่านั้น แต่ก็เป็นนวัตกรรมที่สร้างกระแสการตอบรับได้เป็นอย่างดี อันสะท้อนถึงแนวโน้มความเป็นไปได้ในความต้องการนวัตกรรมเคสรูปแบบใหม่ ๆ ของผู้คน

อาจกล่าวได้ว่าในอนาคต "เคสโทรศัพท์อาจสามารถเป็นได้ทุกสิ่งทุกอย่าง" เช่นเดียวกับตัวเครื่องโทรศัพท์มือถือเพื่อตอบรับรสนิยมและไลฟ์สไตล์การใช้งานของแต่ละบุคคลที่มีการแปรเปลี่ยนตามกาลเวลาอยู่ตลอด ซึ่งแนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไม่มีจุดสิ้นสุดที่จะทำให้เคสเป็นไปได้มากกว่าเคสโทรศัพท์ธรรมดา

ฉะนั้นแล้วก็ขึ้นอยู่กับข้อพิจารณา รสนิยม และความเหมาะสมตามไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตของแต่ละบุคคลว่า เคสคือความจำเป็นหรือไม่ แต่ไม่ว่าคุณจะอยู่ฝั่งเลือกใช้หรือไม่เลือก ในวันนี้สิ่งที่เราได้เห็นแล้วก็คือ ทางเลือกมากมายของธุรกิจเคสโทรศัพท์สำหรับผู้ที่เลือกใช้งานมัน ดังที่เบลีย์ ฮิคาวะ (Bailey Hikawa) ผู้สร้างสรรค์เคส 3D ตามหลักสรีรศาสตร์ได้กล่าวถึงความสำคัญของเคสโทรศัพท์ไว้ว่า “ชีวิตนั้นสั้นเกินกว่าจะมีโทรศัพท์ที่ดูน่าเบื่อและมีเพียงชิ้นเดียว ไม่มีใครมีรองเท้าคู่เดียวสำหรับทุกกิจกรรม เคสโทรศัพท์ก็เช่นกัน ถึงเวลาสำหรับสิ่งใหม่ ให้เคสใหม่เป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวในชีวิตอีกครั้ง” 

ที่มา : บทความ “How to Pick the Perfect Phone Case” โดย Pia Ceres และ Simon Hill 
บทความ “Ditching a Phone Case Is the Latest Symbol of Stealth Wealth” โดย Cady Lang 
บทความ “The case for caseless iPhones” โดย Maria Teresa Hart  
บทความ “Stealth Wealth: How the Caseless Phone Became a Status Symbol” โดย Komodoty Co 
บทความ “Phone Cases Are Boring. Put a Lip Balm on It” โดย Louryn Strampe 
บทความ “Hailey Bieber’s rhode lip phone case has gone viral – here’s how to buy it” โดย Lauren Cunningham 
บทความ “Eat food and watch Netflix simultaneously with this fork and spoon-equipped smartphone case” โดย Patrick O'Rourke 
บทความ “รายงานแนวโน้มการใช้เคสโทรศัพท์มือถือและข้อมูลเชิงลึกปี 2023” โดย Shopify API 
บทความ “It’s More Than a Phone Case. For Gen Z, It’s a Status Symbol.” โดย Dalvin Brown 
วิดีโอ “8 เหตุผลทำไม ไม่ต้องใส่เคส iPhone ใช้เปลือย ๆ มันดีจริงเหรอ? #iMoD” โดย iMoD Official 

เรื่อง : ณัฐธิดา คำทำนอง