“ระบบติดตาม”  ตัวช่วยพิชิตโควิดหรือภัยเร้นของความเป็นส่วนตัว
Technology & Innovation

“ระบบติดตาม” ตัวช่วยพิชิตโควิดหรือภัยเร้นของความเป็นส่วนตัว

  • 04 Jul 2020
  • 14098

หลังจากไม่ได้ออกจากบ้านเป็นเวลากว่าสองเดือน หลายประเทศก็เริ่มอนุญาตให้บางธุรกิจกลับมาเปิดกิจการได้อีกครั้ง เช่นเดียวกับสิงคโปร์ ที่รัฐบาลเปิดทางให้หลายธุรกิจดำเนินกิจการได้ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน พร้อมกันนั้นสำนักงาน Smart Nation Initiative หน่วยงานที่ส่งเสริมด้านเทคโนโลยีของสิงคโปร์ ก็ได้ออกแบบอุปกรณ์รูปแบบเหรียญพกพาชื่อว่า TraceTogether Token ให้แก่ประชาชนในการติดตามข้อมูลการเดินทางเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

แม้การติดตามประวัติการเดินทางของประชาชนจะเกิดกระแสไม่เห็นด้วยในหลายประเทศในด้านการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลที่ทำให้ภาครัฐสามารถจับตาดูประชาชนได้ตลอด 24 ชม. แต่นายวิเวียน บาลากริชนัน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีประจำสำนักงาน Smart Nation Initiative ก็ได้ออกมายืนยันว่าเหรียญชนิดนี้จะปกป้องความเป็นส่วนตัวและไม่ได้เป็น “อุปกรณ์ติดตามตัว” อย่างแน่นอน 

เหรียญจะเป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใด หรือจะใช้เชื่อมกับแอพฯ TraceTogether ในมือถือก็ได้เช่นกัน ซึ่งจะทำการรับส่งข้อมูลกับเหรียญของผู้ใช้รายอื่นในบริเวณใกล้เคียงผ่านสัญญาณบลูทูธซึ่งข้อมูลจะถูกเข้ารหัสเป็นเวลา 25 วัน แล้วจะลบทิ้งโดยอัตโนมัติ นายวิเวียนยังย้ำว่าอุปกรณ์นี้ทำงานโดยไม่ต้องใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ต และไม่มีจีพีเอสยืนยันตำแหน่งบุคคล ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในเหรียญหรือแอพฯ ซึ่งจะไม่อัพโหลดไปที่ใด แต่จะถูกดึงออกมาโดยเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขเมื่อพบผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อติดต่อบุคคลอาจที่ติดเชื้อ

ก่อนหน้านี้รัฐบาลสิงคโปร์ได้เปิดให้ประชาชนดาวน์โหลดแอพฯ TraceTogether เมื่อเดือนมีนาคมเพื่อติดตามการเดินทางของประชาชน แต่ด้วยปัญหาด้านเทคนิคที่ตัวแอพฯ ไม่สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นบนสมาร์ตโฟน ประกอบกับผู้ใช้งานที่มีเพียง 25 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ไม่สามารถสร้างฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการระบาดได้ ซึ่งจำเป็นต้องมีประชาชนใช้งานแอพฯ อย่างต่ำ 60 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งประเทศ จึงไม่สามารถยับยั้งจำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นสูงตลอดทั้งเดือนเมษายนได้ โดยสาเหตุหลักคือการคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยด้านสิทธิส่วนบุคคลของประชาชน 

แม้รัฐบาลจะปรับวิธีมาใช้เหรียญพกพาแต่ก็ยังมีประชาชนที่ยังคงต่อต้านเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในโลกโซเชียล เกิดเป็นแคมเปญรณรงค์ของเว็บไซต์ Change.org ที่มีผู้เข้าร่วมถึง 50,000 คน1 อีกทั้งพรรคประชาชนสิงคโปร์ (Singapore People's Party) ยังออกแถลงการณ์แสดงความห่วงใยด้านข้อมูลของประชาชนและขอความร่วมมือรัฐบาลให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของประชาชนอย่างสูงสุด

แม้การใช้เทคโนโลยีเพื่อตรวจตราดูประชาชนอย่างใกล้ชิดจะกลายเป็นเครื่องมือหลักของหลายประเทศในการต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 แต่ขณะเดียวกันการรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลประชาชนก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้าม นี่จึงเป็นเวลาที่รัฐต้องให้ความสำคัญระหว่างสุขภาพและข้อมูลของประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน

1ข้อมูล ณ วันที่ 17 มิ.ย. 2563

ที่มาภาพ : tracetogether.gov.sg

ที่มา :
บทความ “Singapore says 'No' to wearable devices for Covid-19 contact tracing” จาก change.org
บทความ “Singapore to launch TraceTogether Token device for COVID-19 contact tracing” โดย Dean Koh จาก mobihealthnews.com
บทความ “Singapore will give residents wearable 'tokens' that track the people they interact with in a new effort to contain COVID-19” โดย Aaron Holmes จาก businessinsider.com

เรื่อง : นพกร คนไว