
‘Vertical Farming’ คอนโดเกษตรกรรมแห่งโลกอนาคต
โดย สุวิทย์ วงศ์รุจิราวาณิชย์
“ถ้าสภาวะอากาศของโลกที่กำลังร้อนขึ้นยังคงไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งการเติบโตของจำนวนประชากรในโลกใบนี้ยังคงที่เหมือนที่เป็นอยู่ อีกประมาณ 50 ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมการเกษตรที่เราเห็นอยู่อาจจะอันตรธานหายไป” คุณ Dickson D. Despommier เคยเกริ่นนำไว้อย่างน่าสนใจในบทความ “A Farm on every floor” ของหนังสือพิมพ์ The New York Tmes ฉบับวันที่ 23 สิงหาคม 2552
คำถามที่ตามมาในหัวผมก็คือ แล้วอุตสาหกรรมการเกษตรจะถูกย้ายไปอยู่ที่ไหน?
มีหลายทรรศนะที่คิดว่าการเกษตรคงไม่พ้นที่จะถูก “จับแยกซอยชั้น” เหมือนกับการขยายตัวของคอนโดที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน ซึ่งจะว่าไปแล้วแนวคิดดังกล่าวก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องที่ใหม่แกะกล่องอะไรเลย “การปลูกพืชแนวตั้งในอาคาร” นั้นเป็นสิ่งที่มีให้เห็นกันมานานแล้ว เช่น การปลูกต้นไม้บนชายคาบ้าน ตามระเบียง บนดาดฟ้า ฯลฯ เพียงแต่การปลูกในอดีตไม่ได้เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการดำรงชีพหรือเพื่อการบริโภคในระบบอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่เราจะปลูกกันเพื่อสร้างบรรยากาศที่สดชื่น เพื่อศึกษาเรียนรู้ เพื่อความสวยงาม หรือเพื่อการบริโภคในครัวเรือนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สภาวะแวดล้อมของโลกที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันได้ผลักดันให้ระบบเกษตรอุตสาหกรรมหันมาศึกษาทฤษฎีการปลูกพืช แนวตั้งอย่างจริงจังมากขึ้น จากเดิมที่เคยปลูกกันแต่บนพื้นดินแนวราบ ก็เริ่มจะหันมาปลูกกันในแนวตั้งแบบคอนโดมิเนียม รวมทั้งยังมีการพัฒนางานระบบในตัวอาคารให้สามารถสร้างและควบคุมบรรยากาศที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชแต่ละชนิดด้วย นี่แหละครับคือจุดกำเนิดของ Vertical Farming หรือ “คอนโดเกษตรกรรม” ที่เราคงจะได้เห็นของจริงกันอย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้
โครงการหนึ่งที่น่าสนใจและสอดคล้องกับแนวคิด Vertical Farming นี้เป็นอย่างมากก็คือ อาคาร The OASIS Tower ในประเทศดูไบ อาคารหลังนี้ได้ผนวกแนวคิดของ Vertical Farming เข้ากับการพักอาศัยของมนุษย์กลายเป็นอาคารที่นอกจากจะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวและผู้พักอาศัยแล้ว ภายในยังมีการเตรียมพื้นที่สำหรับการปลูกพืชแนวตั้งเพื่อการบริโภคด้วย โดยทาง The OASIS Tower กล่าวว่าฟาร์มแนวตั้งดังกล่าวมีศักยภาพสามารถเลี้ยงคนได้ถึง 40,000 คนต่อระยะเวลาการบริโภค 1 ปีเต็ม นับเป็นอาคารที่แสดงให้เห็นถึงแนวคิดการพึ่งพาตนเอง (Self Sustenance) ที่ครบสมบูรณ์แบบจริงๆ
แม้ว่าแนวคิดของ Vertical Farming จะเริ่มเป็นที่กล่าวถึงกันอย่างสูงในปัจจุบัน มีทีมงานนักวิจัยหลายแห่งในโลกที่กำลังเร่งคิดค้นพัฒนาเพื่อให้การเกษตรรูปแบบใหม่นี้สามารถเกิดขึ้นได้จริงในวงกว้าง แต่ผมก็แอบหวังไว้ลึกๆ ว่า ในอายุขัยของผม ผมคงไม่ต้องเห็น Vertical Farming นี้ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในตัวเมือง เพราะนั่นมันคือการบ่งชี้กลายๆ ว่า สภาวะแวดล้อมของโลกได้เปลี่ยนไปถึงขั้นรุนแรงแล้ว (รุนแรงจนกระทั่งมนุษย์ต้องขวนขวายหาวิธีการอยู่รอดด้วยการสร้าง “คอนโดเกษตรกรรม” เพื่อการดำรงชีพ)
ในความคิดของผม ผมว่าบรรยากาศท้องทุ่งหรือฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่อยู่ตามชนบทมันก็มีเสน่ห์ของมันดีอยู่แล้ว เพราะวิถีเกษตรดั้งเดิมเหล่านั้นไม่ได้ให้แค่ผลผลิตเพื่อการดำรงชีพเพียงอย่างเดียว
แต่มันยังสะท้อนถึงวิถีของกลุ่มชน เป็นบ่อเกิดของวัฒนธรรมประเพณีและเอกลักษณ์ประจำถิ่นที่งดงามไม่ซ้ำใคร ลองคิดดูว่าถ้าวันหนึ่งกระแส Vertical Farming เจริญเติบโตขึ้นจนกลืนกินวิถีเกษตรแบบเดิมไปหมด แล้วพวกเราจะตามไปดูพิธีแห่นางแมวที่ไหนกันล่ะ (!)
เทคโนโลยีมักเป็นดาบสองคมเสมอ มนุษย์ผู้ศิวิไลซ์แล้วจึงต้องใช้วิจารณญาณกันให้เป็นเพื่อท้ายที่สุดแล้วเราจะได้รักษาสมดุลของสิ่งต่างๆ บนโลกนี้ไว้ได้ …และจะได้ก้าวต่อไปในเส้นทางที่ยั่งยืนอย่าง
เกร็ดเล็กผสมน้อยของการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน เมื่อพูดถึงแนวคิดการปลูกพืชแนวตั้งแบบคอนโดมิเนียม คงมีหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า แล้วเราจะดูแลรักษาสภาพดินให้ดีอยู่ตลอดได้อย่างไร? ระบบระบายน้ำจะมีหน้าตาแบบไหน? อาคารสูงแบบนี้ต้องมีโครงสร้างพิเศษเพิ่มขึ้นหรือเปล่า เพราะน้ำหนักดินนั้นไม่ใช่น้อยๆ?
Hydroponic farm หรือการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินนี้ถือว่าเหมาะสมมากสำหรับพื้นที่ดินที่ไม่สามารถปลูกพืชได้ (หรือมีน้ำจืดอย่างจำกัด) ท่านที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของ มูลนิธิชัยพัฒนา |
ภาพประกอบ :
http://www.nytimes.com/imagepages/2009/08/24/opinion/24despommier.ready.html
http://www.verticalfarm.com/designs.html
http://www.thaimeehydrofarm.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=137287&Ntype=1
ข้อมูลอ้างอิง :
http://www.nytimes.com/2009/08/24/opinion/24Despommier.html?_r=2
http://www.verticalfarm.com/designs.html
http://www.nbm.org/media/video/greener-good/vertical-farming.html
http://www.chaipat.or.th