“ฝึกชาวบ้านให้เป็นหมอ” กับแอพพลิเคชั่น DoctorMe
Technology & Innovation

“ฝึกชาวบ้านให้เป็นหมอ” กับแอพพลิเคชั่น DoctorMe

  • 09 Apr 2014
  • 12767

เรื่อง : สุวิทย์ วงศ์รุจิราวาณิชย์

ในความเข้าใจของใครหลายๆ คน พาราเซตามอลดูเหมือนจะเป็นยาวิเศษที่สามารถรักษาได้สารพัดโรคตั้งแต่ ปวดหัว แน่นหน้าอก ปวดท้อง เรื่อยไปจนถึงรักษาอาการหวัด ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ยาพาราเซตามอลมีฤทธิ์เพียงเพื่อบรรเทาอาการปวดหรือลดไข้ได้เท่านั้น ไม่สามารถรักษาอาการกล้ามเนื้อเกร็ง บวมแดง หรือโรคข้ออักเสบได้ด้วยตัวมันเอง และจำเป็นต้องใช้ยาประเภทอื่นเข้าร่วมในการรักษาด้วย ส่วนยาแก้หวัดหรือยาแก้แพ้ที่ถูกต้องนั้น เราควรทานยา คลอร์เฟนิรามีนที่มีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล จาม และช่วยแก้อาการแพ้ต่างๆ เช่น ลมพิษหรือผื่นคัน เป็นต้น

ความเชื่อข้างต้นเกี่ยวกับ พาราเซตามอลนี้สะท้อนให้เห็นว่ายังมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการใช้ยาอย่างถูกต้อง ซึ่งก็พอจะเดาต่อลางๆ ได้ว่าเมื่อเราหรือคนรอบข้างเกิดเจ็บป่วย เช่น ตาพร่ามัว คลื่นไส้อาเจียน เจ็บคอ ใจสั่น ปวดข้อ ปวดเข่า ถ่ายเป็นมูก เป็นลม หรือได้รับอุบัติเหตุ เช่น ผึ้งต่อย ต่อต่อย ฯลฯ เราก็ไม่ค่อยจะทราบวิธีดูแลรักษาเบื้องต้น หรือแม้แต่จะเข้าใจสาเหตุของอาการเหล่านั้นด้วย

home doctor.jpg 

นิตยสารหมอชาวบ้าน โครงการเพื่อสังคมรุ่นเดอะ
การเข้าถึงข้อมูลทางการแพทย์ที่ถูกต้องนั้นเป็นหนทางที่จะช่วยให้เราสามารถดูแลรักษาสุขภาพทั้งของตนเองและคนรอบข้างได้อย่างง่ายๆ”  

นี่คือที่มาของการจัดตั้งนิตยสาร หมอชาวบ้านนิตยสารรายเดือนที่จัดทำขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านตาดำๆ ทั่วไปได้พัฒนาทักษะและความเข้าใจในการดูแลสุขภาพตนเอง (พูดง่ายๆ ก็คือเพื่อฝึกชาวบ้านให้เป็นหมอขั้นต้นนั่นแหละ) หมอชาวบ้านฉบับแรกเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.. 2522 โดยคณะผู้ก่อตั้งในยุคแรกประกอบไปด้วย .นพ.ประเวศ วะสี, .นพ.สันต์ หัตถีรัตน์, .นพ.เสม พริ้งพวงแก้ว และอีกหลายๆ ท่าน จวบจนถึงปัจจุบันนิตยสารหมอชาวบ้านมี รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานุภาพ ซึ่งเป็นประธานมูลนิธิหมอชาวบ้านดูแลอยู่

เมื่อความรู้ 30 ปีบนหน้ากระดาษแปลงร่างสู่หน้าเว็บ
เมื่อสังคมไทยก้าวเดินมาถึงยุคที่ข้อมูลไม่ได้ถูกตีกรอบไว้แค่ในหนังสือหรือนิตยสาร การแปลงฐานข้อมูลและเนื้อหาอันดีเยี่ยมของ หมอชาวบ้านเข้าสู่โลกออนไลน์จึงมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการส่งผ่านองค์ความรู้นี้ให้เข้าถึงผู้คนในวงกว้างขึ้น ง่ายขึ้น และสะดวกยิ่งขึ้นต่อการใช้งาน

บริษัท Opendream ในฐานะผู้พัฒนาระบบ (System developer) ได้ทำการแปลงข้อมูลเนื้อหาจากหนังสือหมอชาวบ้านที่วางขายบนแผงมาตลอด 30 ปี (มากถึง 20,000 บทความ) เข้าสู่แพลทฟอร์มใหม่บนอินเทอร์เน็ตภายใต้ชื่อ www.doctor.or.th โดยแค่ภายในเดือนแรกที่เปิดตัว (..2552) ก็มียอดเข้าชมเว็บไซต์พุ่งสูงถึง 1 แสน 5 หมื่นครั้ง

ถึงวันนี้เว็บหมอชาวบ้านมียอดผู้เข้าชมราว 4 แสนครั้งต่อเดือน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สะท้อนได้ดีถึงความตื่นตัวในการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของคนในสังคม โดยผู้ใช้เว็บจะสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับโรค ยา สมุนไพร การปฐมพยาบาล และแหล่งข่าวสุขภาพได้อย่างง่ายดาย พร้อมเปิดช่องถาม-ตอบปัญหาสุขภาพกับคุณหมอ โดยคุณสามารถโพสต์คำถามฝากไว้ที่เว็บไซต์ จากนั้นก็จะมีคุณหมอมาช่วยตอบข้อสงสัย ฯลฯ

DoctorMe-Web1.jpg
 
DoctorMe-Web2.jpg

รู้สู้โรคในยุคสมาร์ทโฟนครองโลก
นอกจากข้อมูลทางเว็บไซต์แล้ว ต่อมามูลนิธิหมอชาวบ้านยังได้มอบหมายให้ Opendream พัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับใช้งานบนสมาร์ทโฟนภายใต้ชื่อ “DoctorMe” เพื่อใช้เป็นคู่มือสำหรับการดูแลรักษาสุขภาพในเวอร์ชั่นพกพาอีกโครงการหนึ่ง

แอพพลิเคชั่น DoctorMe ที่ว่านี้ทำอะไรได้บ้าง? อันดับแรกคือมันจะช่วยบอกวิธีปฏิบัติตัวเพื่อให้คุณสามารถดูแลรักษาอการเจ็บป่วยเบื้องต้นได้อย่างง่ายๆ ผ่านคำแนะนำเกี่ยวกับการปฐมพยาบาล, ประเภทของความเจ็บป่วยต่างๆ, โรค, การใช้ยาแผนปัจจุบันและยาสมุนไพร ฯล

วิธีการใช้งาน DoctorMe นั้นก็ง่ายแสนง่าย ในหน้าแรกของแอพฯ นี้จะแบ่งกลุ่มอาการความป่วยไข้ออกเป็น 3 ส่วน คือ ที่ศรีษะ ที่ลำตัว และที่ลำตัวส่วนล่าง เพื่อให้คนสามารถตัดสินใจคลิกใช้งาน (navigate) ได้สะดวก และแอพนี้ก็พาคุณเจาะลึกลงไปสู่เนื้อหาที่ตรงกับอาการที่คุณพบมากที่สุด พร้อมกันนี้มันยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการไม่สบายทั่วไปที่พบบ่อย เช่น ไข้หวัด ผื่นแพ้ที่ผิวหนัง ฯลฯ 

ที่น่าสนใจอีกข้อคือแอพ DoctorMe มีระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินในกรณีที่คุณต้องการความช่วยเหลือแบบเร่งด่วนด้วย (ผ่านหมายเลข 1669 เพื่อติดต่อไปยังสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ) มันสามารถแจ้งตำแหน่งของคุณผ่านระบบ GPRS หรือสามารถบอกตำแหน่งของโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดให้กับคุณได้ทันที


DoctorMe-App1.jpg

ต้องขอบอกว่าจากจุดเริ่มต้นของนิตยสารรายเดือนอย่างหมอชาวบ้านที่เพียงต้องการเผยแพร่ข้อมูลด้านสุขภาพให้กับประชาชนทั่วไป ทุกวันนี้ความรู้อันมีค่าเหล่านั้นได้ถูกปรับเปลี่ยน รูปแบบการนำเสนอให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนปัจจุบันมากขึ้น แต่คุณว่ามั้ยว่าแม้วิธีการสื่อสารจะเปลี่ยน เหล่าคุณหมอหันมาใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและสร้างแอพพลิเคชั่นเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้คนมากขึ้น แต่โครงการการเผยแพร่ความรู้สู่สังคมที่มีอายุกว่า 30 ีนี้ ดูเหมือนพวกเขาไม่เคยเปลี่ยนจุดมุ่งหมายอันเป็นหัวใจสำคัญเลย ทุกลมหายใจตลอดสามทศวรรษของหมอชาวบ้าน ก็ยังคงเป็นไปเพื่อการฝึกชาวบ้านให้เป็นหมอไม่ว่าจะในอดีต วันนี้ หรือในอนาคตก็ตาม

DoctorMe-App2.jpg

 

อ้างอิง : คลิปเกี่ยวกับมูลนิธิหมอชาวบ้าน. หมอชาวบ้าน