SENS Research Foundation เมื่อความชรา…รักษาได้
Technology & Innovation

SENS Research Foundation เมื่อความชรา…รักษาได้

  • 01 Apr 2014
  • 2071

126.jpg

แม้วิทยาศาสตร์หรือกระทั่งหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาจะอธิบายว่าความชราเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ไม่อาจเลี่ยงได้ ทว่า ออเบรย์ เดอ เกรย์ (Aubrey De Grey) นักเขียนและนักทฤษฎีด้านชราภาพวิทยาชาวอังกฤษวัย 51 ปี กลับเห็นตรงกับกลุ่มแพทย์สมัยใหม่ว่า ความชราภาพเป็น โรค ที่สามารถรับมือและเยียวยารักษาได้ ยิ่งถ้ารู้ว่าที่มาของโรคนั้นเกิดจากอะไร ความเจ็บป่วยที่รุมเร้าในวัยชราก็จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป

คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าความชราเกิดจากฮอร์โมนเจริญวัยที่ลดลงไปพร้อมกับอายุที่เพิ่มขึ้น แต่แท้จริงแล้ว ความชรายังเป็นผลมาจากเซลล์และเนื้อเยื่อบางส่วนในร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลงหรือได้รับความเสียหาย กระทั่งถูกทำลายจนไม่สามารถฟื้นฟูได้ ประกอบกับระบบการเผาผลาญพลังงานที่ด้อยประสิทธิภาพลง ซึ่งก่อให้เกิดการสะสมเซลล์ที่ใช้การไม่ได้แล้วมากเกินไปและนำไปสู่โรคสารพัดชนิดได้ในที่สุด

ในปี 2009 เดอ เกรย์ ได้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิ SENS Research (Strategies for Engineered Negligible Senescence) ที่สหรัฐอเมริกา เพื่อสนับสนุนการวิจัยและคิดค้นแนวทางการป้องกันโรคต่างๆ ที่เกิดจากความชราบนพื้นฐานของ ทฤษฎีชราภาพวิทยา เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ และวิศวกรรม โดยเน้นการทดลองและพัฒนาตัวยาใหม่ที่สามารถลดปัจจัยเสี่ยงอันทำให้เกิดความเจ็บป่วยและโรค รวมทั้งฟื้นฟูระบบการเผาผลาญพลังงานและอวัยวะต่างๆ ให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) และวิศวกรรมเนื้อเยื่อ (Tissue Engineering) ซึ่งคุณสมบัติของยาเหล่านี้จะต้องสามารถกำจัดเซลล์ที่ไม่พึงประสงค์หรือช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้กลับมาทำงานอย่างเต็มที่ได้อีกครั้งโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเซลล์และโมเลกุลอื่นภายหลัง

SENS จึงมุ่งเน้นไปที่การควบคุมและขจัดปัญหาที่เกิดจาก 7 ปัจจัยต้นเหตุของความชรา อันได้แก่ 1. การกลายพันธุ์ของโครโมโซมซึ่งอาจทำให้เกิดโรคมะเร็ง 2. การกลายพันธุ์ของไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของเซลล์ 3. เศษโปรตีนและโมเลกุลสะสมภายในเซลล์ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคทางระบบประสาท 4. เศษโปรตีนสะสมภายนอกเซลล์ซึ่งอาจทำให้เกิดซีไนล์ พราก (Senile Plague) และโรคอัลไซเมอร์ 5.เซลล์บางชนิดที่หายหรือถูกทำลายโดยที่ไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ อาจทำให้เกิดโรคพาร์กินสันและปัญหาระบบภูมิคุ้มกัน 6. เซลล์แก่และเสื่อมสภาพ 7. การเชื่อมข้ามสายโมเลกุลแบบสุ่มภายนอกเซลล์ทำให้เนื้อเยื่อขาดความยืดหยุ่นและอาจนำไปสู่สภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว นอกจากนี้ SENS ยังได้จัดสรรทุนให้กับสถาบันและสถานศึกษาทั่วโลกที่สนใจศึกษาเรื่องนี้มาก่อนแล้ว เพื่อผลักดันให้เกิดการวิจัยเชิงลึกอย่างกว้างขวางและรักษาความสมดุลของโครงสร้างสังคมผู้สูงอายุ เช่น โครงการสำรวจประชากรเพื่อชีวิตที่มีสุขภาพดีและอายุยืนยาวมากขึ้นโดยมหาวิทยาลัยเดนเวอร์ (University of Denver) ร่วมกับองค์กร International Futures (IFs) ซึ่งทำหน้าที่คาดการณ์และวิเคราะห์อนาคตทั้งในเชิงระบบและกลยุทธ์

อย่างไรก็ตาม แนวคิดของออเบรย์และ SENS ก็ยังคงเป็นที่โต้เถียงทั้งในวงการวิทยาศาสตร์การแพทย์และสื่อมวลชน เพราะถึงแม้ว่าการเลี่ยงความชราจะเป็นไปได้ แต่ย่อมไม่มีใครหนีความตายพ้น ครั้งหนึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ livescience.com ว่าเขาไม่ได้ต้องการชีวิตที่เป็นอมตะ เพียงแต่ความเจ็บป่วยและโรคภัยมักเกิดขึ้นเมื่อเราแก่ตัวลงซึ่งทำให้สภาพจิตใจแย่ลงตามไปด้วย สิ่งที่เขาทำคือป้องกันการคุกคามของโรคและความอ่อนแอทางร่างกาย และใช้ชีวิตในวัยชราอย่างเป็นสุขต่างหาก 

เรื่อง: ปิยพร อรุณเกรียงไกร

ที่มา:
การบรรยายเรื่อง “A roadmap to end aging” โดยออเบรย์ เดอ เกรย์ จาก ted.com
บทความ “Hang in There: The 25-Year Wait for Immortality” จาก livescience.com
วิกิพีเดีย
sens.org