7 ผลงานเทคโนโลยีสวมใส่ที่น่าจับตามองในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งที่แล้วที่รีโอ
Technology & Innovation

7 ผลงานเทคโนโลยีสวมใส่ที่น่าจับตามองในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งที่แล้วที่รีโอ

  • 22 Oct 2018
  • 25613

ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้ สหรัฐอเมริกาได้เหรียญจากกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2016 ที่รีโอไปแล้วถึง 84 เหรียญ เกือบเป็นสองเท่าของประเทศอื่นๆ ที่ร่วมลงแข่งขันในปีนั้น และเป็นเหรียญทองที่ทีม USA ได้มากที่สุดเท่าที่เคยแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกมาทั้งหมด  แน่นอนว่าเราต้องชมเชยนักกีฬาสำหรับความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่นี้ แต่อเมริกามีข้อได้เปรียบในด้านนำเทคโนโลยีและการออกแบบมาปรับใช้ เพราะนักกีฬาของสหรัฐอเมริกามักได้ใส่เสื้อผ้าและอุปกรณ์นวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมและเหนือชั้นก่อนใครๆ เสมอ

ถ้านั่งชมการแข่งขันบนโซฟาที่บ้าน คุณอาจพลาดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไปได้  เพราะอย่างนั้นเราจึงสรุปนวัตกรรมที่คุณควรมองหาจากการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนั้น

Nike AeroSwift และ AeroBlade
Nike AeroSwift และ AeroBlade

ปกติแล้วเพื่อให้ทำความเร็วได้ดี นักกีฬาจะใส่เสื้อฟอร์มที่รัดรูปหรือโกนผมเพื่อลดแรงเสียดทานจากลม แต่สำหรับรีโอเกมส์ 2016 Nike ใช้วิธีที่ตรงกันข้าม โดยการผลิตแผ่น AeroBlade ที่ประกอบไปด้วยปุ่มหรือเดือยขนาดเล็กที่นักวิ่งสวมใส่ที่แขนหรือขา หรือเป็นแผ่นแปะลักษณะเดียวกับแผ่นนิโคตินที่สามารถแปะบนผิวหนังได้  AeroBlade ช่วยกำหนดทิศทางกระแสลมที่เคลื่อนไหวบนตัวนักกีฬาเพื่อสร้างกระแสลมกรด (jet stream) ตามธรรมชาติให้กับนักวิ่ง ทำงานแบบเดียวกับปีกบนรถยนต์หรือเครื่องบิน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยให้ทีมนักวิ่งกรีฑาของอเมริกาได้เหรียญมาแล้ว 11 เหรียญ ซึ่งรวมไปถึง Allyson Felix แชมป์โอลิมปิก 4 สมัย

Hykso Punching Sensors
Hykso Punching Sensors

การติดตามข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่แค่เฉพาะการแข่งกีฬาโอลิมปิกเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการฝึกฝนเพื่อเข้าแข่งกีฬาโอลิมปิกด้วย  สำหรับกีฬาชกมวย เทคโนโลยีสวมใส่ (wearable) ใหม่ล่าสุดในตอนนั้นคือ Hykso Punching Sensors จาก Y Combinator ที่พัฒนามาเพื่อนักมวยโดยเฉพาะ  ซึ่งทีมนักมวยจากอเมริกาและแคนาดาก็ได้นำมาใช้สำหรับโอลิมปิกในครั้งนี้   Hykso สามารถบอกได้ว่านักมวยกำลังออกหมัดแบบไหน ทั้งยังวัดความเร็วและความแรงของหมัดได้อีกด้วย ในการฝึกซ้อมนักมวยสามารถต่อยกันได้อย่างเต็มที่ แล้วค่อยกลับมาดูข้อมูลสถิติ เพื่อหาจุดอ่อนของตัวเองและคู่ต่อสู้  Hykso Punching Sensors ช่วยให้ทีมอเมริกาได้เหรียญทองแดงจากการชกมวย นักชกสมัครเล่นก็สามารถพรีออเดอร์มาใช้สักคู่ได้เช่นเดียวกัน

Speedo LZR Fastskin Suit
Speedo LZR Fastskin Suit

ตั้งแต่คณะกรรมการว่ายน้ำสากลแบน “ชุดว่ายน้ำไฮเทค” ที่คลุมร่างกายทั้งตัวด้วยโพลียูรีเทนที่สามารถทนแรงกดอัดได้สูงและน้ำซึมผ่านไม่ได้ จากการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำ บริษัท Speedo จึงต้องหาทางผลิตชุดว่ายน้ำในไลน์ LZR ของตนให้มีประสิทธิภาพน้อยลงกว่าเดิมที่ใช้ในการแข่งขันว่ายน้ำเมื่อ 7 ปีก่อน นักวิจารณ์บางคนมองว่าข้อได้เปรียบนี้เป็นการใช้เทคโนโลยีมาช่วยมากเกินไป จึงมีการกำหนดกฎใหม่ที่ควบคุมความยาวของชุดว่ายน้ำที่ครอบคลุมร่างกายและต้องผลิตจากวัสดุที่น้ำซึมผ่านได้

อย่างไรก็ตาม Speedo ยังคงคิดค้นนวัตกรรมในซีรี่ส์ LZR ต่อไป เพื่อมอบชุด Fastskin LZR Racer X และ Fastskin LZR Racer 2 ให้แก่ทีมนักกีฬาจากอเมริกา ออสเตรเลีย จีน สเปน ญี่ปุ่น แคนาดา และอิสราเอลในการแข่งขันที่รีโอ 2016  ทั้งสองชุดช่วยในการบีบอัดร่างกายของนักว่ายน้ำให้เคลื่อนไหวไปกับน้ำได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้ว่ายน้ำได้เร็วขึ้น เทคโนโลยีนี้แลกมาด้วยความสะดวกสบายในการสวมใส่ เพราะ Speedo บอกว่านักว่ายน้ำอาจจะต้องใช้เวลาถึง 10 นาทีในการใส่ชุด Fastskin   ทั้งสองชุด ในรุ่น Fastskin ที่ออกแบบมานั้นใช้ข้อมูลจากนักว่ายน้ำชั้นนำ 330 คน รวมไปถึง Ryan Lochte เพื่อทำให้ชุดว่ายน้ำสวมใส่ได้สบายมากยิ่งขึ้น  ทฤษฎีเบื้องหลังไอเดียนี้ก็คือ ถ้านักกีฬาใส่แล้วรู้สึกสบายเป็นธรรมชาติ ก็จะทำให้ว่ายในน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพดี การแข่งขันว่ายน้ำในโอลิมปิกปี 2016 ได้จบลงไปแล้ว และเห็นได้ชัดเจนว่าเทคโนโลยีนี้ได้ผลจริง นักว่ายน้ำอเมริกันสามารถกวาดเหรียญไปได้ถึง 33 เหรียญในปีนี้

Nike Wing Nike Wing

เมื่อดูจากลักษณะภายนอก แว่น Nike Wing ดูเหมือนแผ่นโฮโลแกรมที่พับซ้อนอยู่บนบริเวณใบหน้า มองแล้วคล้ายกับสเปเชียลเอ็ฟเฟกต์ในหนังยุคเก่าที่เอามาทำเป็นเครื่องประดับแฟชั่น แต่ Wing ซึ่งเป็นแว่นชิ้นเดียวที่ไร้ข้อต่อนี้ มีประโยชน์มากนัก มันช่วยลดแรงต้านให้กับนักวิ่งประเภทลู่ของทีมอเมริกา แถมยังมีน้ำหนักเบากว่าแว่นสายตาทั่วไปถึง 4 กรัม ซึ่งมีประโยชน์ต่อนักวิ่งที่ต้องเผชิญกับแดดจ้าในรีโอเป็นอย่างมาก  แต่ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในทีมนักวิ่งอเมริกาแล้วล่ะก็ คงต้องคิดหนักหน่อย ถ้าจะซื้อมาครอบครอง เพราะสนนราคาอยู่ที่ 12,000 ดอลลาร์

Solos AR Cycling GlassesSolos AR Cycling Glasses

ชุดแว่นตาอัจฉริยะที่มี built-in HUD micro-display หนังสือพิมพ์ USA Today รายงานว่าทีมนักปั่นจักรยานของอเมริกาสวมแว่นตาอัจฉริยะนี้ในช่วงฝึกซ้อม  ซึ่งช่วยให้นักกีฬาได้เรียนรู้ความเร็ว อัตราการเต้นของหัวใจ พละกำลัง (หน่วยวัตต์) และจังหวะการปั่น (รอบปั่นต่อหนึ่งนาที) ของตนเอง แว่นตานี้สามารถเชื่อมต่อกับ Bluetooth บนคอมพิวเตอร์ที่ติดอยู่กับจักรยาน หรือ iPhone ของนักกีฬา ซึ่งสามารถเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลได้ แถมยังมีไมโครโฟนและลำโพงที่ช่วยให้นักปั่นติดต่อกับโค้ชได้แม้กำลังปั่นจักรยานเป็นกลุ่ม นี่เป็นอีกหนึ่งในนวัตกรรมเทคโนโลยีเพียงไม่กี่ชิ้นที่คนทั่วไปอย่างเราสามารถซื้อมาใช้เองได้

Nike Zoom Superfly Shoes Nike Zoom Superfly Shoes

รองเท้า Nike ที่ใช้กันในรีโอ 2016 ไม่แตกต่างจากรุ่นที่ขายกันในร้านค้าทั่วไปเท่าไหร่นัก ยกเว้นฟีเจอร์หนึ่งที่สำคัญ รองเท้า Nike ที่ใช้ในการแข่งขันโอลิมปิกที่รีโอ 2016 คือรุ่น Zoom Superfly ซึ่งช่วงบนของรองเท้าใช้เทคโนโลยี Flyweave ซึ่งเป็นจุดขายหลักของ Nike แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ นวัตกรรมที่น่าสนใจของ Zoom Superfly อยู่ที่แผ่นปุ่มรองเท้าที่อยู่ด้านล่างของรองเท้าต่างหาก ด้วยการออกแบบลวดลายรังผึ้งด้วยอัลกอริทึม เพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงของรองเท้าให้มากที่สุด แต่ใช้ปริมาณวัสดุในการผลิตให้น้อยที่สุด แผ่นปุ่มรองเท้านี้จึงเกาะพื้นได้ดีกว่าแผ่นธรรมดาถึง 4 เท่า แต่กลับมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนๆ ผลที่ได้คือ นักวิ่งลมกรดสามารถวิ่งบนลู่วิ่งได้อย่างมั่นคงมากขึ้น โดยที่น้ำหนักของรองเท้าไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด 
 
Whoop Strap Whoop Strap

Whoop นาฬิกาฟิตเนสสำหรับนักกีฬาระดับโลกที่ LeBron James เคยใส่ แล้ว Ryan Lochte นักว่ายน้ำชาวอเมริกัน (ผู้เคยเล่นเป็นคู่รักของ Pizzerina Sbarro ในซีรี่ส์เรื่อง 30 Rock) ก็ยังสวมใส่ Whoop ในการแข่งขันโอลิมปิกปี 2016 เช่นเดียวกัน  สิ่งที่ทำให้ Whoop แตกต่างจากนาฬิกาฟิตเนสยี่ห้ออื่นๆ ที่ทำได้แค่ติดตามการเคลื่อนไหวของผู้ใส่เท่านั้น แต่ Whoop สามารถวัดได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ระดับความล้าของนักกีฬาในการฝึก ไปจนถึงคาดการณ์ว่านักกีฬาจะทำผลงานได้ดีแค่ไหนในวันถัดไป เพราะมีการพัฒนาเซนเซอร์ให้สามารถลงรายละเอียดได้เท่ากับเครื่องวัด EKG เลยทีเดียว  Whoop ช่วยให้นักกีฬาวัดสมรรถนะของร่างกายได้แม่นยำกว่าอุปกรณ์สวมใส่ชนิดอื่นๆ เนื่องจากมีนวัตกรรมแบตเตอรี่ที่สามารถถอดออกมาเปลี่ยนได้ ทำให้ไม่จำเป็นจะต้องถอด Whoop Strap ออกมาจากข้อมือเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ใหม่

อ้างอิง: บทความ “7 Wearable Breakthroughs To Watch For In Rio” 
จากเว็บไซต์ www.fastcompany.com