The Rise of Astrotourism ยุคที่มนุษย์กลับไปตามหาดวงดาว
Technology & Innovation

The Rise of Astrotourism ยุคที่มนุษย์กลับไปตามหาดวงดาว

  • 02 Apr 2019
  • 27047

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหันมาจับตลาดเฉพาะกลุ่ม เนื่องจากมีกระแสผู้บริโภคจำนวนหนึ่งที่กำลังมองหาสถานที่เพื่อหลบหนีภาวะข้อมูลท่วมท้น พวกเขาต้องการพาตัวเองออกไปให้ไกลจากแสงของเมือง ค้นหาสถานที่เพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างเต็มอิ่ม ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาว ห่างไกลจากเสียงรบกวนและแสงสีของเมือง ขณะเดียวกันความสนใจเรื่องการท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ยังส่งผลให้มีกลุ่มคนออกเดินทางตามล่าแสงเหนือ นำไปสู่การที่ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์กลายเป็นกระแสการท่องเที่ยวเชิงสังคม

เมื่อเมืองเผชิญกับมลภาวะทางแสงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเกินความจำเป็น ซึ่งล้วนมาจากแสงประดิษฐ์ที่เกิดจากกิจวัตรของมนุษย์ในเวลากลางคืน  นั่นส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ รวมทั้งการเกิดขึ้นของกิจกรรมดาราศาสตร์ต่างๆ สร้างกระแสให้ผู้บริโภคมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางที่ห่างไกลเพื่อค้นหาดาวที่มองเห็นได้ สิ่งนี้สร้างโอกาสครั้งใหญ่สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการเพื่อส่งมอบประสบการณ์อันน่าจดจำผ่านกิจกรรมสันทนาการ และโปรแกรมการท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งใช้ประโยชน์จากความสนใจที่เพิ่มขึ้นในปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ ตั้งแต่สุริยุปราคาไปจนถึงฝนดาวตก สู่แสงเหนือที่ผู้คนต่างพากันออกเดินทางเพื่อไปเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์ทางดาราศาสตร์ ตัวเลขที่ชี้ให้เห็นถึงกระแสนิยม เช่น มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปภาคเหนือของนอร์เวย์ซึ่งมีแสงเหนือให้เห็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของปี เพิ่มขึ้นทวีคูณ หรือช่วงฤดูหนาวปี 2018 ในสหรัฐอเมริกามีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 73 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ข้อมูลจาก Avinor ระบุว่าปรากฏการณ์สุริยุปราคาในสหรัฐอเมริกา ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่แห่ไปยังพื้นที่ที่มีแสงน้อยของรัฐไวโอมิง เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในวันที่เกิดคราส ส่งผลให้โรงแรมในเส้นทางของสุริยุปราคาเต็มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นอกจากนี้ L'Auberge de Sedona Resort & Spa  ที่รัฐแอริโซนา ได้เปิดตัวกิจกรรมการอาบแสงดาว (Star Bathing) เพื่อเฉลิมฉลองท้องฟ้าอันมืดมิดเหนือโอเอซิสกลางทะเลทราย ผ่านประสบการณ์สร้างสุขภาพตามหลักการของชินริน-โยกุ (Shinrin-Yoku) ชินริน-โยกุคือการทำสมาธิแบบญี่ปุ่นในป่า โดยมีผู้นำกิจกรรมที่ได้รับการรับรอง (Certified Forest Bathing Facilitators) นำผู้เข้าพักให้ปรับความรู้สึกจนได้กลิ่นของน้ำจืดที่ไหลผ่านลำห้วย ได้ยินเสียงพลิ้วไหวของใบไม้ และสูดกลิ่นอายของสายลม ทั้งหมดนี้เพื่อชะลอความเร็วในการใช้ชีวิต นำทางไปสู่การพบสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอันเงียบสงบ เชื่อมต่อกับธรรมชาติและดึงเอาความรู้สึกกับจิตวิญญาณของตนเองออกมา แม้จะอยู่ท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน แต่มีแสงจากดวงดาวยึดโยงเรากับจิตวิญญาณภายใน นอกจากนี้ ในปี 2017 ผู้ประกอบการท่องเที่ยว Off the Map Travel ได้เปิดตัว Aurora Wilderness Camp โรงแรมเคลื่อนที่ที่นำเสนอการตามล่าประสบการณ์แสงเหนือในมหาสมุทรอาร์กติก ผ่านการตั้งแคมป์ที่ให้บริการเพียงกระท่อมกระจกใสเคลื่อนที่ได้จำนวนสามหลัง กระท่อมแต่ละหลังนอนได้อย่างสบายสองคน โดยเป็นการพักค้างคืนใน Wilderness Camp ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เวลา 18:00 น. จนถึงรุ่งเช้า 

ทั้งนี้กระท่อมกระจกใสจะถูกวางไว้ในที่ตั้งที่ดีที่สุดบนพื้นที่ที่ไกลออกไปในประเทศฟินแลนด์ เพื่อรอคอยการเกิดขึ้นของแสงเหนือ กระท่อมแต่ละหลังมีเตียงขนาดกว้างพิเศษ เตาแก๊ส เครื่องทำความร้อน ห้องน้ำแบบแห้ง รองเท้าหิมะ และเลื่อนหิมะ (kicksleds) สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดของโรงแรมเคลื่อนที่นี้ คือหลังคากระจกที่แขกสามารถนอนเอนหลังและจ้องมองดวงดาว พร้อมความหวังที่ว่าจะได้พบกับแสงเหนือเพื่อสัมผัสประสบการณ์อันยากจะลืมเลือนในช่วงวันหยุด 

การท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์ (Astrotourism) ยังช่วยสนับสนุนพลังชุมชนท้องถิ่น ด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่และให้ความสำคัญกับการรักษาระบบนิเวศ รักษาสถานที่ห่างไกลอันไร้แสงให้ท้องฟ้ายังคงมองเห็นดวงดาว

ที่มา: ฐานข้อมูล WGSN / บทความ “Event Calendar” จาก lauberge.com / บทความ “Hospitality & Travel Trends” จาก wgsn.com และ offthemap.travel

เรื่อง: ปิยวรรณ กลิ่นศรีสุข