จักรวาลเหรียญดิจิทัล : 7 เหรียญที่ต้องรู้จักก่อนเข้าวงการคริปโตเคอร์เรนซี
Technology & Innovation

จักรวาลเหรียญดิจิทัล : 7 เหรียญที่ต้องรู้จักก่อนเข้าวงการคริปโตเคอร์เรนซี

  • 06 Jul 2021
  • 2202

ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความไม่แน่นอนในปี 2021 กระแสหนึ่งที่ผู้คนหันมาสนใจกันมากขึ้นคือเรื่องของสกุลเงินดิจิทัล การค้นหาคำว่า “Cryptocurrency” และ “Bitcoin” บนกูเกิลทั่วโลกพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ในปัจจุบันมูลค่ารวมของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีนั้นอยู่ที่ประมาณ 1.36 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และแม้ว่าบิตคอยน์จะครองส่วนแบ่งตลาดมากถึง 46.94%1 แต่จักรวาลแห่งสกุลเงินดิจิทัลนั้นมีเหรียญประเภทต่าง ๆ รวมแล้วมากกว่า 10,000 สกุลเงิน (และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ) ลองมาทำความรู้จักกับ 7 เหรียญดิจิทัลและจุดเด่นที่น่าสนใจของแต่ละเหรียญกัน

1) บิตคอยน์ (Bitcoin) - BTC
ปีที่ก่อตั้ง :
2009
ผู้ก่อตั้ง : ผู้ใช้นามแฝงว่า “ซาโตชิ นากาโมโต” (ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยตัวตน)

จุดเด่น 

  • เป็นเงินดิจิทัลสกุลแรกที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักมากที่สุด
  • เป็นต้นกำเนิดของเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ที่ทำให้การทำธุรกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยโดยไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่างธนาคารเหมือนในอดีต
  • เป็นเหรียญที่มีราคาสูงที่สุดในสกุลเงินดิจิทัลในปัจจุบัน
  • มีจำนวนทั้งหมด 21 ล้านเหรียญ ในปัจจุบันถูกขุดออกมาแล้วราว 18.7 ล้านเหรียญ2

2) อีเธอเรียม (Ethereum) - ETH
ปีที่ก่อตั้ง : 2013
ผู้ก่อตั้ง : วีตาลิก บูเจริน (Vitalik Buterin) หนึ่งในอดีตทีมพัฒนาบิตคอยน์ 

จุดเด่น

  • อีเธอเรียมไม่ได้เป็นแค่สกุลเงินเพื่อซื้อ ขาย หรือเก็งกำไรเท่านั้น แต่เป็นแพลตฟอร์มแบบ Open Source ที่สร้างอยู่บนเครือข่ายบล็อกเชน โดยมีอีเธอร์ (Ether) หรือ ETH เป็นสกุลเงินที่ใช้
  • การเป็น Open Source ทำให้ทุกคนสามารถเข้ามาพัฒนาหรือเขียนข้อมูลได้อย่างอิสระ เราสามารถสร้างแอพพลิเคชัน (Decentralized App หรือ DApp) ขึ้นมาบนเครือข่ายอีเธอเรียมได้
  • มีระบบ Smart Contract ที่ทำให้ผู้ใช้งานสร้างเงื่อนไขในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลายโดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง เช่น การซื้อขายสินค้า การชำระค่าเช่า การชำระค่าบัตรเครดิต หรือแม้กระทั่งการสร้างเหรียญ (Token)3 ขึ้นมาใหม่
  • ปัจจุบันอีเธอเรียมมีมูลค่าสูงเป็นอันดับที่ 2 รองจากบิตคอยน์

3) เทเธอร์ (Tether) – USDT
ปีที่ก่อตั้ง : 2014
ผู้ก่อตั้ง : บริษัท เทเทอร์ ลิมิเต็ด (Tether Limited)

จุดเด่น 

  • เป็นการผสมผสานคริปโตเคอร์เรนซีและสกุลเงินปกติเข้าด้วยกันโดยอิงราคาจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
  • 1 USDT มีมูลค่าเท่ากับ 1 เหรียญสหรัฐฯ
  • ถูกเรียกว่าเป็น Stablecoin หรือเหรียญที่มีเสถียรภาพด้านราคา จึงไม่ผันผวนมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ 

4) ไบแนนซ์คอยน์ (Binance Coin) – BNB 
ปีที่ก่อตั้ง : 2017
ผู้ก่อตั้ง : ชางเผิง เจา (Changpeng Zhao) หรือ CZ 

จุดเด่น 

  • เป็นเหรียญที่สร้างโดยไบแนนซ์ (Binance) แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  • ใช้ซื้อ-ขาย และช่วยลดค่าธรรมเนียมในการเทรดเหรียญต่าง ๆ บนแพลตฟอร์ม Binance ได้
  • มีการ “เผาเหรียญ” ในทุก ๆ ไตรมาสเพื่อทำให้จำนวนเหรียญค่อย ๆ ลดลง โดยมีเป้าหมายจาก 200 ล้านเหรียญให้สุดท้ายเหลือ 100 ล้านเหรียญ โดย Binance จะนำ 20% ของกำไรมาซื้อเหรียญเพื่อไปทำลายทิ้ง ส่งผลให้ราคา BNB จะเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากเหรียญในระบบเหลือน้อยลงนั่นเอง

5) คาร์ดาโน (Cardano) – ADA

ปีที่ก่อตั้ง : 2015

ผู้ก่อตั้ง : ชาร์ลส์ โฮคินสัน (Charles Hoskinson) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม

จุดเด่น 

  • สกุลเงิน ADA มีที่มาจากชื่อของ เอดา เลิฟเลซ (Ada Lovelace) นักคณิตศาสตร์และนักเขียนชาวอังกฤษ ผู้ได้รับการยอมรับว่าเป็นโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก
  • ADA เป็นเหรียญที่เอาไว้ใช้ทำธุรกรรมบนบล็อกเชน หรือแพลตฟอร์มของคาร์ดาโน
  • คาร์ดาโนมีความคล้ายกับอีเธอเรียมที่เปิดให้ทุกคนสามารถเข้ามาพัฒนาหรือเขียนข้อมูลได้ โดยมีการเพิ่มเติมความเร็วและมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า

6) โดชคอยน์ (Dogecoin) – DOGE
ปีที่ก่อตั้ง : 2013
ผู้ก่อตั้ง : แจ็กสัน พาล์มเมอร์ (Jackson Palmer) วิศวกรจาก Adobe และ (บิลลี มาร์คัส) Billy Markus วิศวกรจาก IBM โดยทั้งคู่ใช้นามแฝงว่า “ชิบะโตชิ นากาโมโต” (Shibetoshi Nakamoto)

จุดเด่น 

  • สกุลเงินที่ใช้สุนัขพันธุ์ชิบะอินุจากมีม Doge เป็นสัญลักษณ์ ทำให้เป็นที่รู้จักและจดจำได้ง่ายกว่าเหรียญสกุลอื่น ๆ โดยแรกเริ่มนั้นสร้างขึ้นเพื่อเสียดสีคริปโตเคอร์เรนซี
  • อีลอน มัสก์ (Elon Musk) นักธุรกิจผู้นำด้านเทคโนโลยีกล่าวถึงโดชคอยน์อยู่หลายครั้งจนเขาได้รับฉายาว่าเป็น Doge Father
  • โดชคอยน์แตกต่างจากเหรียญสกุลอื่น ๆ ตรงที่ไม่มีการจำกัดของจำนวนเหรียญที่จะถูกสร้างขึ้น 

7) ริปเปิล (Ripple) – XRP
ปีที่ก่อตั้ง :
2018
ผู้ก่อตั้ง : บริษัท ริปเปิล แล็บส์ (Ripple Labs)

จุดเด่น 

  • สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการโอนเงินระหว่างประเทศที่มีความยุ่งยากและต้องผ่านตัวกลางเยอะ
  • เป็นเครือข่ายที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการทำธุรกรรมระหว่างธนาคารและสถาบันการเงินทั่วโลก
  • เนื่องจากไม่ต้องผ่านตัวกลาง การทำธุรกรรมผ่าน XRP จึงมีราคาถูกและสามารถทำได้ภายใน 3 - 5 วินาทีเท่านั้น
  • XRP มีจำนวนทั้งหมด 1 แสนล้านเหรียญ ซึ่งในปัจจุบันถูกนำมาหมุนเวียนอยู่ในระบบแล้วราว 4 หมื่น 6 พันล้านเหรียญ4

1ข้อมูลจาก coinmarketcap.com วันที่ 25 มิถุนายน 2564
2ข้อมูลจาก buybitcoinworldwide.com วันที่ 25 มิถุนายน 2564
3สกุลเงินหรือเหรียญที่สร้างขึ้นมาใหม่เพื่อให้ทำงานบนเครือข่าย Blockchain ที่มีอยู่แล้ว ในที่นี้คือ Ethereum
4
ข้อมูลจาก ripple.com วันที่ 13 มิถุนายน 2564

ที่มา :
trends.google.co.th
investopedia.com  
บทความ “How many cryptocurrencies are there in 2021?” โดย Oliver Barsby gfinityesports.com 

เรื่อง : ณัฐชา ตะวันนาโชติ