กระเป๋าตังค์คริปโต : ใบไหนที่ใช่กับสายอาร์ตงานครีเอทีฟ
Technology & Innovation

กระเป๋าตังค์คริปโต : ใบไหนที่ใช่กับสายอาร์ตงานครีเอทีฟ

  • 06 Jul 2021
  • 1152

ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้สร้างหรือเป็นผู้สะสมงานอาร์ตที่ต้องการเข้าไปซื้อขาย เก็บ และสะสมงานในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง NFTs หรือ Non Fungible Tokens ก่อนอื่นเลยก็ควรจะมี “กระเป๋าตังค์” ดี ๆ และเหมาะมือสักใบ

กระเป๋าเงินคริปโต หรือ Crypto Wallet โดยทั่วไปในท้องตลาดจะมีทั้งแบบออนไลน์หรือที่เรียกว่า กระเป๋าร้อน (Hot Wallet) เช่น ซอฟต์แวร์อย่างเดสก์ท็อป มือถือ เว็บไซต์ ที่สามารถเข้าถึงการทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้บนออนไลน์ทันทีแต่ก็เสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมมากกว่า ในขณะที่แบบออฟไลน์ หรือ กระเป๋าเย็น (Cold Wallet) เช่น ฮาร์ดแวร์ (หน้าตาเหมือน USB) และกระดาษ จะเหมาะกับการเก็บเหรียญและสินทรัพย์ระยะยาว ทั้งยังปลอดภัยจากแฮกเกอร์บนโลกออนไลน์ 

โดยกระเป๋าเงินดิจิทัลนี้จะมีการเข้ารหัสไว้ และมีชุดข้อมูลที่เป็น “กุญแจ 2 ดอก” หรือหมายเลขไว้สำหรับทำธุรกรรมที่แบ่งเป็นกุญแจสาธารณะ (Public Key) ทำหน้าที่คล้ายเลขบัญชีธนาคาร และกุญแจส่วนตัว (Private Key) ที่ทำหน้าที่คล้ายกับหมายเลข PIN ของบัตรเครดิตการ์ดนั่นเอง ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำกระเป๋าตังค์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับโลกของ NFTs โดยเฉพาะ เพื่อให้ได้เก็บ “ผลงานสร้างสรรค์” และ “เหรียญดิจิทัล” ที่ทำการซื้อขายเอาไว้ได้อย่างปลอดภัย อย่างเช่น 

MetaMask กระเป๋าเงินคริปโตยอดนิยมในหมู่เจ้าของผลงานคริปโตอาร์ตชาวไทย ซึ่งใช้งานได้สะดวกเพราะสามารถเพิ่มส่วนขยายในกูเกิลโครมและใช้งานได้ทันที ล่าสุดยังใช้งานผ่านแอพพลิเคชันบนมือถือได้ด้วย แต่ยังมีข้อจำกัดในเรื่องค่าธรรมเนียมอยู่ และนอกจากจะเป็นกระเป๋าที่เหมาะสำหรับ NFTs แล้ว MetaMask ยังสามารถใช้แลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตอื่น ๆ ได้ง่ายด้วย

Alpha Wallet เกมเมอร์เป็นต้องถูกใจกระเป๋าใบนี้ เพราะสามารถซื้อขายโทเคนในเกมได้ทั้งหมด และนอกจากเกมแล้วยังสนับสนุนด้านธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนด้วยการเป็น “กระเป๋าเงินฉลากขาว (White-Label Wallet)” ที่เปิดให้ธุรกิจสามารถสร้างกระเป๋าเงินและปรับแต่งให้เหมาะกับผู้ใช้งานของตัวเองได้

Pillar นับว่าเป็นกระเป๋าที่เต็มไปด้วยกิมมิกในบรรดากระเป๋าทั้งหมดเลยก็ว่าได้ เพราะมีฟีเจอร์เกมอยู่ในกระเป๋าให้ผู้ใช้งานได้สนุกสนานไปพร้อม ๆ กับการซื้อขายและเก็บเหรียญ หนึ่งในนั้นคือระบบตรา (Badge System) ที่จะมอบให้แก่ผู้ใช้งานที่สามารถปลดล็อกฟีเจอร์ต่าง ๆ ในกระเป๋าตังค์ได้ ยิ่งปลดได้มากเท่าไร ก็จะได้ตราพิเศษไปสะสมเท่านั้น อีกฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจก็คือ หวยไม่ขาดทุน (No-Loss Lottery) ที่ให้ผู้ใช้งานซื้อสลากบนโลกดิจิทัลโดยการฝากเงินเข้าไปในระบบและมีโอกาสได้ถูกรางวัลประจำสัปดาห์ โดยสามารถถอนเงินออกเมื่อไรก็ได้

SIX Wallet กระเป๋าสัญชาติไทยที่เน้นกลุ่มสายงานครีเอทีฟเป็นหลัก ซึ่งมีฟีเจอร์เด็ดคือ MultiSIX หรือ Multi Signature ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีด้วยการมีกุญแจไขถึง 4 ดอกในการทำธุรกรรม ซึ่งจะเป็นเหมือนเกราะป้องกันการถูกโจรกรรม และเพิ่มฟังก์ชัน @username ที่สามารถส่งเงินให้กันได้ง่าย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้กุญแจสาธารณะ กระเป๋าใบนี้สามารถเก็บ NFTs ได้ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ เพลง งานศิลปะ และทรัพย์สินทางปัญญาอื่น ๆ

ส่วน BitKub หรือ Binance ที่หลายคนรู้จักก็คือแพลตฟอร์มสำหรับเทรดคริปโตที่ถือเป็นกระเป๋าเงินเช่นกัน แต่จะเป็นกระเป๋าเงินแลกเปลี่ยน หรือ Exchange Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าที่ผู้ใช้งานไม่ได้ถือกุญแจส่วนตัวไว้ที่ตนเองแต่อยู่บนแพลตฟอร์มรวมกัน เหมือนกับการใช้กระเป๋าเงินใบเดียวกันกับคนอื่น ๆ แม้จะใช้ง่ายและสะดวก แต่ถือว่ากระเป๋าใบนี้เป็นกระเป๋าที่ปลอดภัยน้อยที่สุดในบรรดาที่กล่าวมาทั้งหมด (เว้นเสียว่าผู้ให้บริการมีความน่าเชื่อถือมาก)

การเลือกกระเป๋าตังค์คู่ใจ จึงเป็นเหมือนการเลือกพาร์ตเนอร์ที่จะคอยดูแลและช่วยเหลือให้ “ทรัพย์สิน” ที่มีไม่หลุดลอยไปไหน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของสะสมหรือตัวเงินก็ตาม

เครดิตภาพประกอบ : วรารัตน์ สังข์ศาสตร์

ที่มา : บทความ “A Crypto Wallet Can Help Keep Your Coins Safe. Here’s How to Decide If You Need One” โดย Kendall Little จาก time.com 
บทความ “The Best Crypto Wallets for NFT Collecting in 2021” (เมษายน 2021) โดย Carl Jackson จาก culturepledge.com 
บทความ “Top Nine Crypto Wallets to Buy and Collect NFT Art” (มิถุนายน 2021) โดย Andy Storey จาก postergrind.com / six.network / metamask.io/ alphawallet.com/ 

เรื่อง : วนบุษป์ ยุพเกษตร