Healthy ตลอดปี ด้วย Gadget ปลูกผักอัจฉริยะในบ้าน

การขยายตัวของสังคมเมืองทำให้ที่อยู่อาศัยของคนในยุคปัจจุบันมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ และใช่ว่าทุกคนจะมีลานหน้าบ้านกว้างใหญ่ สนามหลังบ้านขนาดย่อม ๆ หรือระเบียงชั้นบนอันแสนกว้างขวางในพื้นที่บ้านของตัวเอง นั่นทำให้การปลูกต้นไม้หรือแม้กระทั่งพืชผักสวนครัวในเขตรั้วบ้าน แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา หลายบริษัทได้มุ่งหน้าพัฒนาชุดอุปกรณ์ “ทำสวนในร่ม” มากขึ้น เพื่อทำให้การปลูกพืชในพื้นที่จำกัดเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ จนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตลาดระบบทำสวนในร่มทั่วโลกเติบโต โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 105 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2019 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 176 ล้านเหรียญในปี 2027 หรือมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยระหว่าง 2020-2027 ที่ 8.4% ต่อปี

ที่น่าสนใจคือ ในวันที่เทคโนโลยียิ่งก้าวล้ำไปไกลมากยิ่งขึ้น เครื่องปลูกพืชผักหรืออุปกรณ์ทำสวนในร่มก็ยิ่งพัฒนาและอัจฉริยะมากขึ้นเช่นกัน ดังเช่น 2 ตัวอย่างที่หยิบยกมาให้ได้รู้จักกันนี้

OGarden สวนผักหมุนได้
เครื่องปลูกต้นไม้แสนอัจฉริยะ OGarden นี้ เปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 มาพร้อมกับดีไซน์อันแสนน่าทึ่ง เนื่องจากเป็นแก็ดเจ็ตปลูกต้นไม้รูปวงกลมหมุนได้คล้ายกับชิงช้าสวรรค์ ใช้วิธีการรดน้ำแบบอัตโนมัติ และสามารถปลูกต้นไม้ได้ทีเดียว 90 ต้น (อยู่ในวงล้อได้สูงสุด 60 ต้น) ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลใดก็ตาม

การปลูกต้นไม้ด้วยอุปกรณ์ของ OGarden เริ่มต้นจากการเพาะเมล็ดลงในถ้วยเพาะที่ทำมาจากดินออร์แกนิกและปุ๋ย จากนั้นนำไปใส่ในตู้เพาะที่อยู่ด้านล่างของส่วนวงล้อ ซึ่งสามารถเพาะเมล็ดได้สูงสุดครั้งละ 30 ต้น โดยถ้วยเพาะเหล่านี้จะได้รับการรดน้ำแบบอัตโนมัติด้วย

หลังจากเมล็ดเจริญเป็นต้นกล้าและมีรากที่แข็งแรง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 21 วัน หรือเมื่อต้นกล้ามีความสูงราว 2-3 นิ้ว ผู้ปลูกจะต้องย้ายถ้วยเพาะนี้ไปไว้ในวงล้อปลูกต้นไม้ด้านบน ซึ่งระบบจะถูกตั้งค่าความเร็วการหมุนไว้แบบคงที่ ระหว่างที่หมุน ต้นไม้จะได้รับแสงไฟ LED 120 วัตต์ที่อยู่ตรงกลาง

ขณะที่รากของต้นไม้จะสัมผัสกับน้ำที่อยู่ด้านล่าง ทำให้ต้นไม้ได้รับน้ำแบบอัตโนมัติ ดังนั้น สิ่งเดียวที่ผู้ปลูกต้องทำคือการตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เติมน้ำลงถังเก็บน้ำแล้ว ซึ่งการเติมน้ำเต็มถังแต่ละครั้งสามารถอยู่ได้สูงสุด 10 วัน แต่ถ้าหากลืมเติมน้ำ เครื่องก็จะขึ้นสัญญาณเตือนด้วย

และเมื่อพืชผักที่ปลูกไว้เจริญเติบโตพอ หรือมีความสูงประมาณ 1 ฟุต (ซึ่งจะเป็นระดับที่พืชผักที่ปลูกจะเจริญเติบโตจนสูงขึ้นไปถึงตัว O สีเขียวที่อยู่ตรงกลางพอดี) ผู้ปลูกก็สามารถเก็บเกี่ยวผักสวนครัวเหล่านี้ไปรับประทานได้ ทั้งนี้ โดยปกติแล้วกระบวนการทั้งหมดจนถึงขั้นตอนการเก็บเกี่ยวใช้เวลาราว 30-40 วัน

อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บางคนยังกังวลว่า เมื่อต้นไม้ย้ายขึ้นไปอยู่ในวงล้อแล้ว ผักที่ปลูกไว้อาจร่วงหล่นได้ขณะหมุน แต่บริษัทยืนยันว่า เนื่องจากต้นไม้แต่ละต้นถูกเพาะในดิน ซึ่งเมื่อเติบโตเป็นต้นกล้าที่แข็งแรงก็จะย้ายก้อนดินเพาะทั้งก้อนนั้นมาอยู่ในวงล้อ ทำให้รากที่งอกมาตั้งแต่แรกยังยึดเกาะอยู่กับดินก้อนเดิม ซึ่งมีความแข็งแรงมากพอสมควร นอกจากนี้แต่ละต้นยังถูกล็อกเข้ากับช่องในวงล้ออย่างแน่นหนา ทำให้แม้ผักจะมีขนาดใหญ่ขึ้น ก็ไม่เสี่ยงร่วงหล่นลงมาแน่นอน

สิ่งที่น่าดึงดูดของ OGarden ไม่ใช่เพียงแค่ความง่ายในการใช้งาน แต่ยังอยู่ที่ความสามารถในการให้ผลผลิตที่สม่ำเสมอ เนื่องจากมีทั้งส่วนปลูกในวงล้อที่รองรับต้นไม่ได้สูงสุด 60 ต้น และส่วนเพาะเมล็ดให้เป็นต้นกล้าอีก 30 ต้น ซึ่งถ้าหากมีการจัดการที่ดี ก็จะทำให้ผู้ปลูกเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 2-4 มื้อต่อวันในทุกวัน เรียกได้ว่ามีผักกินตลอดปี

โดย OGarden สามารถปลูกผักได้แทบทุกชนิด ตั้งแต่คะน้า ขึ้นฉ่าย สวิสชาร์ด สตรอเบอร์รี่ พริกหวาน มะเขือเทศราชินี หัวหอม และผักสมุนไพรอีกมากมาย โดย OGarden มีวางจำหน่ายเมล็ดอยู่ 20 ชนิด ซึ่งสามารถปลูกพร้อมกันได้ทั้งหมด และหากรายการพืชที่มีอยู่ยังไม่ถูกใจ ก็สามารถซื้อดินเปล่าและเพาะเมล็ดพืชที่ชอบแทนได้

แม้ OGarden จะไม่ได้มีราคาถูก เพราะสนนราคาอยู่ที่ 1,095 เหรียญสหรัฐ (ราว 36,000 บาท) แต่นักพัฒนาก็ได้ชี้ให้เห็นจากรายงานของกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกาที่ระบุว่า ครอบครัวอเมริกันที่มีสมาชิก 4 คน มีค่าใช้จ่ายในการซื้อวัตถุดิบและเครื่องปรุงโดยเฉลี่ย 850 เหรียญต่อเดือน OGarden จึงช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อผักได้มากถึง 80% ซึ่งหากคำนวณแล้ว ก็เรียกได้ว่าถอนทุนคืนได้ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น

Rise Gardens เฟอร์นิเจอร์สวนผัก
อีกหนึ่งแก็ดเจ็ตปลูกต้นไม้ในร่มแบบอัจฉริยะที่น่าสนใจนั้นมาจากแบรนด์ Rise Gardens ที่นอกจากจะมาในรูปแบบสวนไฮโดรโปนิกส์รดน้ำแบบอัตโนมัติ เชื่อมต่อกับ Wi-Fi ได้แล้ว ยังมาพร้อมกับการดีไซน์ที่สวยงามเสมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งที่เข้ากับพื้นที่อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว

Rise Gardens ได้รับการออกแบบให้มีถังเก็บน้ำ และไฟ LED สำหรับให้แสงแก่ต้นไม้เพื่อช่วยในการเจริญเติบโต โดยทั้งหมดนี้สามารถควบคุมและตรวจสอบการทำงานผ่านแอพพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนได้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งระดับน้ำ การตั้งค่าแสง และระดับสารอาหาร เนื่องจากมีเซ็นเซอร์ในตัว ซึ่งจะรายงานข้อมูลกลับมาที่แอพพลิเคชันได้ทันที

สำหรับสวนอัจฉริยะนี้มีให้เลือกตั้งแต่แบบชั้นเดียวที่สามารถปลูกต้นไม้ได้ 12 ต้น ด้วยราคา 549 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 18,000 บาท) แต่ถ้าอยากปลูกมากกว่านี้ ก็มีรูปแบบ 2 ชั้นให้เลือก ราคา 749 เหรียญ (ประมาณ 25,000 บาท) ซึ่งปลูกพืชผักได้พร้อมกันสูงสุด 24 ต้น หรือขยับไปเป็นรุ่นสูงสุดคือ 3 ชั้น ที่สามารถปลูกพืชได้มากแบบจุใจถึง 36 ต้น

สำหรับถาดปลูกนั้นทำมาจากโลหะ ทำให้มีความแข็งแรงทนทาน ขณะที่ถาดอนุบาลต้นกล้าและฝาครอบใสนั้นทำมาจากพลาสติก ช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่าย

ส่วนด้านการออกแบบที่ดีไซน์ให้บริเวณขอบถาดมีสีเข้ม ยังตัดกันดีกับขอบชั้นวาง และตู้ด้านล่างสีขาวที่ดูแข็งแรงทนทาน เสริมด้วยโครงสีไม้อ่อน ดูสวยงามมีสไตล์ สามารถใช้วางหนังสือหรือวางของทั่วไปได้ ยิ่งเมื่อผักสวนครัวเติบโต เฟอร์นิเจอร์ปลูกผักชิ้นนี้ก็จะยิ่งดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นไปอีก

ทั้งนี้ ในรุ่น 2 ชั้น และ 3 ชั้น ระยะระหว่างชั้นล่างสุดและชั้นที่ 2 จะมีความสูงเพียงพอที่จะรองรับการปลูกผักอย่างมะเขือเทศ พริก และผักสวิสชาร์ด ขณะที่ระหว่างชั้นที่ 2 และ 3 จะแคบกว่า และอาจรองรับการเจริญเติบโตของผักตระกูลผักกาดหอมได้เท่านั้น ขณะที่ในตู้ด้านล่าง ข้างหนึ่งใช้สำหรับบรรจุถังเก็บน้ำได้สูงสุด 5 แกลลอน ส่วนอีกด้านหนึ่งสามารถใช้เป็นที่เก็บอุปกรณ์อื่น ๆ ได้

ส่วนไฟ LED เต็มรูปแบบจะถูกติดตั้งบริเวณด้านบนของแต่ละชั้น เพื่อให้แสงแก่ต้นไม้ ทั้งนี้ เครื่องจะถูกตั้งค่าเริ่มต้นไว้ให้เปิดไฟ 16 ชั่วโมงต่อวัน และปิดโดยอัตโนมัติ แต่ผู้ปลูกสามารถควบคุมและหรี่แสงได้ด้วยตนเองได้โดยการกดปุ่มที่ประตูด้านขวา หรือสั่งผ่านแอพพลิเคชันก็ได้เช่นกัน

ที่น่าสนใจคือ แถบไฟ LED ที่ประตูยังแจ้งให้ทราบถึงระดับน้ำในแกลลอน โดยจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดงหากน้ำล้นเนื่องจากไฟฟ้าดับหรือปั๊มน้ำไม่ทำงาน ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายต่อพืชได้

เมื่อเทคโนโลยีเข้ามาช่วยตอบโจทย์การใช้ชีวิตให้สะดวกสบายและง่ายขึ้น นี่จึงเป็นแก็ดเจ็ตปลูกผักสวนครัวที่ใช้แสง LED ทดแทนแสงธรรมชาติในการสังเคราะห์เพื่อเจริญเติบโต ทำให้การปลูกผักไว้กินเองไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้อาศัยในคอนโดหรือมีข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่ทำสวนอีกต่อไป และยังคงทำให้สมาชิกในครอบครัวได้กินผักปลอดภัยไร้สารเคมีตลอดทั้งปี แถมยังเป็นเหมือนได้เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านที่เติบโตได้ตามธรรมชาติไว้อีกชิ้นหนึ่งด้วย

ภาพ : OGarden, Rise Gardens

ที่มา :
บทความเรื่อง “OGarden Smart Grows Fresh Veggies Year-Round in Your House” โดย Katherine Martinko จาก www.treehugger.com
บทความเรื่อง “Future Gardening: Dining Room To Table” โดย Lisa Sipe จาก www.bendsource.com
บทความเรื่อง “Rise Gardens Double Family Garden review: This smart indoor greenhouse doesn’t need the sun” โดย Michael Brown จาก www.techhive.com
บทความเรื่อง “Worldwide Smart Indoor Garden Systems Industry to 2027 - Technical Advancement in Smart Indoor Gardening Presents Opportunities” โดย Research and Markets จาก www.prnewswire.com

เรื่อง : ณฐมน ธนาตระกูล