ANGLE CHANG แฟชั่น Hi-end ที่ได้มาจากแสงแดด พืช และน้ำจากภูเขา
Technology & Innovation

ANGLE CHANG แฟชั่น Hi-end ที่ได้มาจากแสงแดด พืช และน้ำจากภูเขา

  • 31 Aug 2021
  • 857

ถ้าวัดกันในแวดวงอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกาย จำนวนแฟชั่นระดับไฮแบรนด์ที่สร้างความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอาจดูเหมือนมีอยู่ไม่มากนัก แต่ในปริมาณน้อยนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอยู่เลย เพราะหากกวาดตามองหาก็จะเห็นชื่อของ ANGLE CHANG ยืนหนึ่งอยู่ในหมวดแบรนด์แฟชั่นชั้นสูงที่ยั่งยืนไม่ทำร้ายโลก

ผู้บุกเบิกสิ่งทออัจฉริยะ
แบรนด์ ANGLE CHANG คือนามเดียวกันกับชื่อของแฟชั่นดีไซเนอร์ชาวอเมริกันเชื้อสายจีน แองเจล ชาง (Angle Chang) ผู้สร้างสรรค์และเป็นเจ้าของแบรนด์ของตนเอง โดยก่อนหน้านั้นชางเริ่มงานด้านแฟชั่นดีไซน์ให้กับคอลเล็กชันของ Donna Karanในนิวยอร์ก และ See by Chloé ในปารีส

เมื่อถึงเวลาทำแบรนด์ของตนเอง คอลเล็กชันสร้างชื่อของ ANGLE CHANG เปิดตัวในปี 2006 ที่นิวยอร์ก ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ไฮเทค ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าสังเคราะห์ เช่น ลายพิมพ์เปลี่ยนสี ผ้าเรืองแสง และซับในที่ทำความร้อนได้เองในตัว ชื่อของชางจึงเป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิกในการผสมผสานระหว่างแฟชั่นกับเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นสิ่งทออัจฉริยะได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งส่งผลให้เธอได้รับรางวัล Ecco Domani Fashion Foundation Award และ Cartier Women's Initiative Award ภายในปีแรกของการเปิดตัว

คอลเล็กชันจากรากเหง้าชาติพันธุ์โบราณ
ช่วงหนึ่งของชีวิต ชางเคยทำงานให้กับแบรนด์เสื้อผ้าออกกำลังกายที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Nike ซึ่งกลายเป็นประสบการณ์ที่เปิดตาให้ชางได้มองเห็นผลกระทบของสารสังเคราะห์ที่มีต่อโลกทั้งใบ ขณะที่ความสนใจในงานฝีมือหรือหัตถศิลป์ที่ทรงคุณค่าก็มีอยู่แล้วในใจเป็นทุนเดิม ทั้งสองสิ่งนี้เข้ามาจุดประกายให้ชางเกิดความสนใจในรากเหง้าดั้งเดิม และเทคโนโลยีจากธรรมชาติ

ปี 2009 ชางเริ่มออกเดินทางตามรอยบรรพบุรุษไปที่เมืองจีน และได้ค้นพบรากเหง้าแห่งภูมิปัญญา นั่นคือสีย้อมจากพืชที่ใช้ในยาจีนโบราณ และได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าในหมู่บ้านบนภูเขาในชนบทของมณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน ที่กลุ่มชาติพันธุ์ Dimen Dong (เหมี่ยว ตง) ได้อนุรักษ์ประเพณีการทอผ้าที่มีอายุกว่าพันปีไว้โดยใช้กระบวนการทางธรรมชาติทั้งหมด จากนั้นจึงเปิดห้องทำงานภายในพิพิธภัณฑ์เชิงนิเวศชาติพันธุ์เหมี่ยว ตงและได้รับรางวัลจากกองทุน Le Cercle Fund ของ Pernod Ricard China คนแรก ในด้านความรับผิดชอบต่อสังคม

แบรนด์แฟชั่นของชางเกิดจากการคำนึงถึงผลกระทบของวัสดุสังเคราะห์ต่อสิ่งแวดล้อม จึงผลิตด้วยการปล่อยคาร์บอนเกือบเป็นศูนย์ และมุ่งอนุรักษ์ภูมิปัญญาชาวบ้านด้านการตัดเย็บที่นับวันเริ่มหายไป โดยเสื้อผ้าของเธออาศัยแรงงานฝีมือในหมู่บ้านที่สืบทอดความรู้กันมารุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่กระบวนการผลิตซึ่งเริ่มต้นที่การปลูกฝ้ายไปจนถึงการตัดเย็บเสื้อผ้า และการย้อมผ้าจากสีธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมให้คนในท้องถิ่นมีรายได้ ช่วยขจัดความยากจนในพื้นที่ให้หมดไป พร้อมไปกับการส่งเสริมให้ทั่วโลกชื่นชมงานฝีมือของชนพื้นเมืองที่นับวันยิ่งหาดูได้ยาก

การผสมผสานผ้าแบบดั้งเดิมเข้ากับภาพเงาสมัยใหม่ถูกนำเสนอผ่านคอลเล็กชัน Atelier ANGEL CHANG ที่เปิดตัวในปี 2013 “เสื้อผ้าแฟชั่นโบราณ” คือกุญแจสำคัญที่ชางใช้อธิบายชุดเดรสผ้าฝ้ายออร์แกนิก แต่ละชิ้นทำด้วยมือโดยช่างฝีมือในหมู่บ้านห่างไกลในเทือกเขาหินปูน (Karst) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดยใช้ส่วนผสมเพียง 3 ปัจจัยหลักเท่านั้น ได้แก่ "แสงแดด พืช และน้ำจากภูเขา" ขณะที่ความรู้ของช่างฝีมือเป็นส่วนผสมที่เข้ามาเติมเต็มโจทย์ “เสื้อผ้าสไตล์โบราณ” ให้สมบูรณ์

ในการสร้างสรรค์คอลเล็กชันกับกลุ่มชาติพันธุ์เหมี่ยว ตง ชางต้องปรับกระบวนการทั่วไปที่เคยเรียนรู้จากการทำงานในอุตสาหกรรมแฟชั่นมาหลายปีเสียใหม่ เนื่องจากบางหมู่บ้านยังไม่มีไฟฟ้าใช้ วิถีชีวิตประจำวันของชาวบ้านขึ้นอยู่กับการทำงานกับพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ฤดูกาล และวัฏจักรของธรรมชาติ ดังนั้นความแตกต่างระหว่างฤดูกาลแฟชั่น (Spring-Summer, Fall- Winter) และฤดูกาลจริง ทำให้ชางได้ข้อสรุปถึงวิธีการทำงานร่วมกับชนกลุ่มน้อยว่าจะต้องไม่เอามาเป็นเงื่อนเวลาในการผลิตชิ้นงาน

นอกเหนือจากการทำงานให้สอดคล้องกับวัตถุดิบทางธรรมชาติ อีกหนึ่งเรื่องที่ชางได้เรียนรู้ทันทีเมื่อลงพื้นที่คือ วิถีในชนบทของจีน ก็ไม่ต่างจากอีกหลายประเทศที่คนหนุ่มสาวย้ายไปทำงานโรงงานในเมืองใหญ่ ทิ้งลูก ๆ ไว้กับปู่ย่าตายาย คนรุ่นไม่มีเวลาเรียนรู้เทคนิคที่ใช้แรงงานฝีมืออีกต่อไป ทำให้ประเพณีและทักษะการตัดเย็บงานฝีมือในชุมชนที่สืบต่อกันมาช้านานกำลังจะอันตรธานหายไป ดังนั้น เพื่อที่จะอนุรักษ์เทคนิคการทำเสื้อผ้าแบบดั้งเดิมของพวกเขาเอาไว้ ขณะเดียวกันยังได้สร้างสรรค์ผลงานแฟชั่นที่ไม่ทำร้ายโลก ชางจึงต้องมองหาวิธีการที่จะสามารถสร้างงานและรายได้ให้กับคนในชุมชนโดยที่ไม่ต้องทิ้งบ้านไปไหนอีก

แฟชั่นที่ปราศจากไฟฟ้า
ปัจจุบันอุตสาหกรรมสิ่งทอทั่วโลกได้ชื่อว่าเป็นผู้ก่อมลพิษรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก อีกทั้งธนาคารโลกยังประมาณการว่า 20% ของมลพิษทางน้ำในอุตสาหกรรมมาจากการย้อมผ้าและการบำบัดสิ่งทอ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพิษเมื่อปล่อยกลับคืนสู่สิ่งแวดล้อม

ทว่าแบรนด์ ANGEL CHANG กำลังทำสิ่งที่แตกต่างออกไปด้วยเงื่อนไขการสร้างผลงานแฟชั่นแบบ “ปราศจากการใช้ไฟฟ้า” เหตุตั้งต้นเพราะในหมู่บ้านที่เข้าไปทำงานด้วยนั้นไม่มีแหล่งพลังงานจริง ๆ ทำให้ชางต้องค้นหาวิธีการผลิตที่จะสร้างสรรค์เสื้อผ้าได้สำเร็จโดยไม่ใช้พลังงานไฟฟ้า มีแสงแดดเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำให้ทุกอย่างแห้ง

ระบบการผลิตที่ชางสร้างขึ้นเรียกได้ว่าเป็นวิถีออร์แกนิกล้วน ๆ เริ่มตั้งแต่การต้องรอนานถึง 6 เดือนที่จะให้เมล็ดฝ้ายเติบโตด้วยวิธีการปลูกแบบอินทรีย์ จากนั้นนำไปปั่นด้วยมือ กระบวนการทอผ้าก็ทำด้วยมือ ย้อมด้วยมือ ผูกปมด้วยมือ และเย็บมือออกมาเป็นเสื้อผ้า แม้แต่กระดุมก็ยังทำจากผ้าบิดเป็นเกลียว ไม่มีชิ้นพลาสติกเข้ามาปะปน ส่วนเครื่องจักรอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ไม่มีให้ต้องพูดถึง ที่สำคัญทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นภายในรัศมี 30 ไมล์ เมื่อเทียบกับเสื้อยืดทั่วไปที่ต้องเดินทางถึง 4,300 ไมล์ เพื่อผลิตและขายในราคาสิบเหรียญ และยังปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าถึง 2 กิโลกรัม ขณะที่กระบวนการผลิตของชางปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 0.4 กิโลกรัมเท่านั้น จึงกล่าวได้ว่า ANGEL CHANG คือแบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิงแบบซีโร่คาร์บอน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

นับตั้งแต่ปี 2017 หลังก่อตั้งห้องศิลป์และโครงการฝึกอบรมเล็ก ๆ ที่ชื่อ Village Embassy ซึ่งประกอบด้วยชางและกลุ่มแรงงานฝีมือในหมู่บ้าน จากนั้นก็ได้เปิดตัวไลน์ผลิตภัณฑ์สิ่งทอเพื่อมุ่งฟื้นคืนชีพแนวทางการทำผ้าแบบดั้งเดิมที่จำต้องได้รับการอนุรักษ์อย่างเร่งด่วน โดยชางได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับช่างฝีมือทั่วทั้งหมู่บ้านเพื่อออกแบบขั้นตอนสุดท้ายให้สมบูรณ์แบบโดยผลิตคอลเล็กชันเสื้อผ้าหลากหลายแบบ ไล่ไปตั้งแต่เสื้อคอปกกระดุมคลาสสิก ไปจนถึงกางเกงขาบาน (Palazzo Pants) เดรสแขนยาว กางเกงพลีตที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแพทย์แผนจีน

ชางบอกว่าวิธีการทำงานของกลุ่มไม่เพียงดีต่อโลกเท่านั้น แต่ยังดีต่อผู้สวมใส่อีกด้วย ผ้าฝ้ายเนื้อนุ่มกว่า สีย้อมธรรมชาติก็สวยกว่า เสื้อคลุมที่เย็บด้วยมือก็ต่างจากเสื้อเชิ้ตอย่างเห็นได้ชัด เสื้อผ้าสำเร็จรูป สีที่ได้มาจากครามที่มีคุณสมบัติพิเศษทางยา (แพทย์แผนจีนใช้ฆ่าเชื้อ) ใส่แล้วเย็น และยังมีสีจากดอกพุด และดินเหนียว ที่สีจะเปลี่ยนแปลงและจางลงตามกาลเวลาอย่างมีมิติมากกว่าสีย้อมเคมี ด้วยเหตุนี้เสื้อผ้าที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติมีผลดีต่อสุขภาพผิวจึงถือเป็นอีกหนึ่งจุดขายของแบรนด์เลยทีเดียว

ด้วยผลงานสร้างสรรค์อันเป็นเอกลักษณ์ จึงไม่แปลกที่จะได้รับความสนใจจากคนดังระดับฮอลลีวูด เคต แบลนเชตต์ (Cate Blanchett) ถือเป็นลูกค้ารายแรก ๆ ของแบรนด์ โดยเธอออกปากถึงความโดดเด่นเฉพาะตัวของเสื้อที่มีกระดุมปลายปกทำจากดินเหนียวในคอลเล็กชันนี้ว่าเป็น "สีแห่งสันติภาพ"

แม้เสื้อผ้าในคอลเล็กชันจะมีราคาสูงถึง 865 เหรียญสหรัฐ แต่ก็นับเป็นมูลค่าที่คู่ควรกับสิ่งที่ผู้ก่อตั้งแบรนด์สื่อว่า “การตัดเย็บแบบโบราณขั้นสูง” หรือ “Ancient Couture” ที่ใช้วัสดุและพลังงานจากธรรมชาติทั้งหมดใช้เวลาผลิตแต่ละชิ้นค่อนข้างยาวนาน ด้วยกระบวนการผลิตที่ต้องอาศัยเงื่อนไขทางธรรมชาติเป็นหลัก

ผลงานสร้างสรรค์ของแบรนด์ ANGEL CHANG ตอกย้ำให้โลกประจักษ์ว่าวงการแฟชั่นสามารถเลือกวิถีสร้างงานแบบไม่ทำร้ายโลกได้จริง อีกทั้งการผสมผสานระหว่างวัสดุที่หาได้จากธรรมชาติกับภูมิปัญญาชาวบ้านที่ถือเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นนั้น ก็ยังสามารถช่วยให้แฟชั่นมีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ภาพ : angelchang.com, Facebook : angelchang.official

ที่มา :
บทความ “Angel Chang’s New Line Was Made With No Electricity, Synthetics, or Chemicals—Just ‘Sun, Plants, and Mountain Water’” โดย Emily Farra จาก vogue.com
บทสัมภาษณ์ “Angle Chang on Building Resilience Through Centuries-Old Crafts” โดย Spencer Bailey จาก  timesensitive.fm
บทความ “Angel Chang Creates A Collection Handcrafted In The Mountains Of Guizhou Province” โดย Alec Coiro จาก ravelinmagazine.com
บทความ “Angle Chang” จาก en.wikipedia.org
เว็บไซต์ ngelchang.com

เรื่อง : จันทร์อุบล นรินทร