เปิด 12/12 ตำแหน่งงานสยองของแรงงานยุค AI ครองโลก
Technology & Innovation

เปิด 12/12 ตำแหน่งงานสยองของแรงงานยุค AI ครองโลก

  • 23 Nov 2021
  • 1302

ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI กำลังกลายเป็นคำคุ้นหู (Buzzword) ที่แทรกซึมเข้ามาตลอดในช่วงเวลาที่ผ่านมา และปฏิเสธไม่ได้ว่า AI กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีที่ธุรกิจใช้สื่อสารกับลูกค้า เปลี่ยนแปลงกระบวนการในอุตสาหกรรม และยังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเรื่องของทักษะแรงงาน แม้แต่วิถีชีวิตของเราด้วย อีลอน มัสก์ เจ้าพ่อแห่ง Deep Tech ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ New York Times ว่า ปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ในอีก 5 ปีข้างหน้า ส่วนนิตยสาร Fortune ก็เสนอความเห็นว่า หุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่มากถึงร้อยละ 40 ของงานในอีก 15 ปีข้างหน้า เช่นเดียวกับรายงานของ World Intelligence Congress ที่ระบุว่า ระบบ AI, ผู้ช่วยส่วนตัวเสมือน (Virtual Personal Assistants) และแชตบอตจะเข้ามาแทนที่เกือบร้อยละ 69 ของปริมาณงานของเหล่าผู้จัดการภายในปี 2024

ด้วยเหตุนี้ กว่าร้อยละ 34 ของฝ่ายทรัพยากรบุคคลในหลายองค์กรจึง เริ่มมีการลงทุนในการพัฒนาการเรียนรู้และเพิ่มทักษะใหม่ (Reskill & Upskill) ให้แก่พนักงาน ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์สำคัญเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตของการทำงาน และนี่คือ 12 ตำแหน่งงานที่ระบบอัตโนมัติจะเข้ามาแทนที่ และอีก 12 ตำแหน่งงานที่จะยังไม่มีวันนั้น (อย่างน้อยก็ในช่วงระยะเวลาหนึ่งนับต่อจากนี้) 

12 งานที่ AI จะมาแทนที่ในอนาคต

  1. พนักงานฝ่ายบริการลูกค้า
    ปัจจุบันบริษัทหลายแห่งเริ่มพึ่งพา AI ในการตอบคำถามที่พบบ่อยและคำถามเกี่ยวกับการให้บริการลูกค้า ขณะที่เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารยุคใหม่อย่าง “แชตบอต” ไม่เพียงกลายเป็นส่วนสำคัญในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเท่านั้น แต่ยังรองรับการสืบค้นข้อมูลภายในองค์กรได้จำนวนมาก แม่นยำ และรวดเร็วกว่ามนุษย์อีกด้วย
  2. พนักงานป้อนข้อมูล
    นอกจากที่เราจะมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ช่วยในการป้อนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว สามารถเพิ่มฟังก์ชันการจัดเรียงและการคำนวณต่างๆ ได้มากมายแล้ว ในอนาคตอันใกล้ ทั้ง AI และ ML ((Machine Learning - การเรียนรู้ของเครื่อง) มีโอกาสที่จะถูกนำมาใช้แทนที่แรงงานเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
  3. พนักงานต้อนรับ
    ทุกวันนี้เราเริ่มเห็นระบบเช็กอินอัตโนมัติในโรงแรมและที่พักทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กมากขึ้นเรื่อย ๆ ความต้องการพนักงานต้อนรับจึงทยอยลดน้อยลงในระยะยาว แม้แต่ในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ลูกค้าก็สามารถสั่งอาหารได้ผ่านหน้าจอที่ร้านหรืออุปกรณ์สื่อสารส่วนตัว
  4. นักพิสูจน์อักษร
    แม้ว่าการแก้ไขเนื้อความต่าง ๆ จะเป็นงานที่ซับซ้อนมาก และต้องการความเข้าใจในระดับการรับรู้อารมณ์ในแง่ของโทนเสียง และความเข้าใจเชิงลึก แต่การพิสูจน์อักษรในระดับการตรวจจับข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ การสะกดคำ หรือการสร้างประโยค และข้อผิดพลาดเล็กน้อยอื่น ๆ อย่างวรรคตอน กลับสามารถทำได้โดยอัตโนมัติผ่านแอพพลิเคชันที่ถูกพัฒนาขึ้นมากมายในปัจจุบัน
  5. งานการผลิตในห้องปฏิบัติการเภสัชกรรม
    กระบวนการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ทุกวันนี้ต่างอยู่ภายใต้การทำงานของเครื่องจักรที่มาพร้อมระบบปัญญาประดิษฐ์ ดังนั้นแม้แต่ในห้องปฏิบัติการเภสัชกรรม หุ่นยนต์ก็จะสามารถทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการทำงานของเหล่านักวิจัยในห้องทดลองอีกด้วย
  6. พนักงานขาย
    บริการอัตโนมัติได้เข้ามาแทนที่พนักงานขายมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่พฤติกรรมของลูกค้าหลายรายก็เปลี่ยนไปเป็นการสั่งซื้อด้วยตนเอง การช้อปปิงออนไลน์ พร้อมตัวเลือกการชำระเงินผ่านระบบอัตโนมัติที่ทั้งสะดวกและรวดเร็ว นอกจากนี้การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงของ AI ยังช่วยแสดงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ลูกค้าอาจสนใจในอนาคตได้มากกว่าคำแนะนำจากพนักงานขาย
  7. บริการจัดส่ง
    ถึงแม้ในบ้านเราจะมีผู้ให้บริการขนส่งจำนวนหลายเจ้าหลากสีสัน แต่ระบบ AI ก็กำลังจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในธุรกิจการจัดส่งในภาพรวม โดยสามารถทำได้ตั้งแต่การปรับปรุงระบบการทำงานด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนต่าง ๆ ไปจนถึงการใช้โดรนและหุ่นยนต์มารับช่วงต่อในส่วนงานบริการจัดส่ง เป็นต้น
  8. แพทย์
    แม้คนไข้มีแนวโน้มที่จะเชื่อมั่นในแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากกว่าการรักษาด้วยจักรกล แต่เราก็ไม่อาจมองข้ามความสามารถของศัลยแพทย์หุ่นยนต์ที่ทำการผ่าตัดได้อย่างแม่นยำและประสบผลสำเร็จมากขึ้นทั่วโลก แพทย์หุ่นยนต์เหล่านี้นอกจากจะทำการรักษาได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อในกระบวนการรักษาอีกด้วย
  9. ทหาร
    แทนที่จะต้องสูญเสียกันในสนามรบ ในอนาคตสนามรบที่เต็มไปด้วยหุ่นยนต์ทหารจะสามารถปฏิบัติตามคำสั่งได้อย่างต่อเนื่องและปลอดภัย ปัจจุบันมีการใช้หุ่นยนต์จำนวนมากในปฏิบัติการทางทหารประเภทต่าง ๆ เช่น การสอดแนม งานด้านข่าวกรอง และอื่น ๆ อีกมากมาย เมื่อไม่นานมานี้ ผู้บัญชาการกองทัพแห่งสหราชอาณาจักรยังได้กล่าวว่า “หุ่นยนต์อัตโนมัติอาจกลายมาเป็น 1 ใน 4 ของกองทัพอังกฤษภายในปี 2030”
  10. คนขับแท็กซี่และรถบัส
    ยุคแห่งรถยนต์ไร้คนขับได้มาถึงแล้ว และอีกไม่นานยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองทั้งหมดนี้จะเข้ามาแทนที่ยานพาหนะแทบทุกประเภท โดยมีโอกาสมากกว่า 98% ที่ภาคอุตสาหกรรมนี้จะกลายเป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด ตามรายงานของ Los Angeles Times พบว่า รถบรรทุกที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองสามารถแทนที่คนขับรถบรรทุกในสหรัฐอเมริกาได้มากถึง 1.7 ล้านคนในอีก 10 ปีข้างหน้า
  11. นักวิเคราะห์วิจัยตลาด
    ถึงแม้ว่านักวิเคราะห์ตลาดจะมีความสำคัญอย่างมากต่อทุกองค์กรและทุกธุรกิจ เนื่องจากการวิจัยตลาดที่ดีย่อมสามารถเพิ่มโอกาสและประสิทธิภาพของธุรกิจได้ อย่างไรก็ดี หุ่นยนต์ที่ใช้ระบบ AI ในการประมวลข้อมูลระดับบิ๊กดาต้าก็กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น ด้วยความสามารถในการประมวลผลข้อมูลปริมาณมากได้ในเวลาเดียวกัน และความก้าวล้ำของเทคโนโลยีในการเก็บและคัดกรองข้อมูลที่ดีมากยิ่งขึ้นของทุกวันนี้
  12. พนักงานรักษาความปลอดภัย
    AI มีความก้าวหน้าอย่างมากในการทำงานด้านการรักษาความปลอดภัยทางกายภาพ ตัวอย่างเช่น หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยของ Yelp ที่สามารถตรวจสอบอาคารด้วยกล้องความละเอียดสูง นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งไมโครโฟนในการตรวจจับเสียงที่ผิดปกติ และเซ็นเซอร์อินฟราเรดที่สามารถตรวจจับกิจกรรมที่น่าสงสัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีโอกาสที่ AI จะเข้ามาทดแทนแรงงานในภาคธุรกิจนี้ให้เป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมดมากกว่า 84% 

12 งานที่ AI ไม่อาจทดแทน
ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์นั้นไร้ขีดจำกัดและยังมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อีกทั้งทักษะประเภทการคิดเชิงกลยุทธ์ ความเป็นผู้นำทางความคิด การแก้ปัญหาและการเจรจาต่อรอง ความฉลาดทางอารมณ์ และการเอาใจใส่ ล้วนเป็นคุณสมบัติในงานที่ AI (ยัง)ไม่สามารถแทนที่มนุษย์ได้ และนี่คือ 12 อาชีพที่อยู่ในโซน ‘รอด’ จากการถูกทดแทน (อย่างน้อยก็ช่วงเวลาหนึ่งนับจากนี้)

  1. ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล
    ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัทและองค์กรต่าง ๆ มักมองหาบุคลากรที่มีความสามารถในการจัดการความขัดแย้งระหว่างบุคคลได้ดี และมีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่มีทักษะในการเข้าใจอารมณ์และเหตุผลแบบปัจเจก โดยมีโอกาสเพียง 0.55% เท่านั้นที่หุ่นยนต์จะเข้ามาทดแทนในตำแหน่งงานนี้
  2. นักเขียน
    นักเขียนคือผู้ที่ต้องคิดและผลิตเนื้อหาที่เป็นต้นฉบับ งานเขียนทุกชิ้นจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและแตกต่างกันไป เครื่องจักรยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนและสร้างสรรค์เนื้อหาที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์และความเข้าอกเข้าใจในแบบที่มนุษย์ทำได้ แม้ทุกวันนี้จะมีต้นฉบับจากนักเขียน AI ที่สามารถสั่งการให้เขียนด้วยการโปรแกรมข้อมูลไว้ล่วงหน้า แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงความต้องการของผู้อ่านหรือผลิตเนื้อหาในเชิงสร้างสรรค์ได้อย่างสมบูรณ์
  3. ทนายความ
    แม้หุ่นยนต์จะรู้ข้อกฎหมายทุกข้อ แต่ก็ไม่มีวันรู้จุดที่แม่นยำในการโต้แย้งกับคู่กรณีอย่างเฉียบคมหรือสมเหตุสมผล นั่นเพราะหุ่นยนต์ไม่มีความฉลาดทางอารมณ์มากพอที่จะโน้มน้าวผู้คนได้ และยังไม่สามารถให้เหตุผลกับมนุษย์คนอื่นได้ดี แต่ถึงอย่างนั้นหุ่นยนต์ก็สามารถช่วยในแง่ของการประมวลผลหลักฐานในการกฎหมายได้
  4. ผู้บริหารระดับสูง
    ผู้บริหารระดับสูงจำเป็นต้องดูแลการดำเนินงานในวงกว้าง พวกเขาต้องรู้จักจิตวิทยาในการกระตุ้นทีมงานจำนวนมากให้ทำงานได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งนอกจากจะต้องใช้ทักษะการเป็นผู้นำแล้ว งานนี้ยังไม่มีสูตรสำเร็จที่แน่นอนสำหรับการเป็นผู้นำที่ดีที่สุด และยังคงไม่มีอัลกอริทึมพื้นฐานที่สอนเครื่องจักรให้สามารถเข้าใจความรู้สึกหรือสภาพจิตใจของบุคคลได้ลึกซึ้งเพียงพอ
  5. นักวิทยาศาสตร์
    เพราะยังมีงานอีกมากมายที่นักวิทยาศาสตร์ต้องทำมากกว่าแค่ทำการทดลองในห้องแล็บ การวิจัยที่ต้องใช้เวลานาน และการตั้งสมมติฐานที่ดีหรือสมเหตุสมผลนั้นยังไม่สามารถจำลองขึ้นได้ด้วยเครื่องมือใด ๆ ถึงอย่างนั้นหุ่นยนต์ก็สามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับนักวิทยาศาสตร์ได้แล้วในปัจจุบัน
  6. นักบวช
    พระสงฆ์หรือนักบวชนับเป็นอีกอาชีพที่ต้องมีคุณสมบัติเฉพาะ นั่นคือการชี้แนะและเทศนาให้แก่สาวกผู้ศรัทธา ดังนั้นจึงต้องมีทั้งความเห็นอกเห็นใจ เข้าใจในอารมณ์และศรัทธาที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น ซึ่งถึงวันนี้เราจะมีนักบวชที่เป็น AI ให้เห็นบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถสอนหุ่นยนต์ให้ปลูกฝังความเชื่อมั่นในมนุษย์คนอื่นได้
  7. จิตแพทย์
    แม้แต่นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ที่เก่งที่สุดในโลกก็ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า สมองของมนุษย์มีการเชื่อมต่อกันอย่างไร และความฉลาดด้านอารมณ์อย่างการสร้างปฏิสัมพันธ์ ทัศนคติ และความรู้สึกถึงบุคคลอื่นนั้น ยังต้องใช้ความเห็นอกเห็นใจอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นแม้ AI อาจจะทำหน้าที่ในการรับฟังได้ดี แต่ก็อาจไม่มีคำแนะนำที่ดีมากเท่ากับจิตแพทย์ที่เป็นมนุษย์ในอนาคตอันใกล้นี้
  8. นักวางแผนกิจกรรม
    นักวางแผนต้องประสานงานและเจรจากับผู้อื่นเพื่อจัดการให้สิ่งต่าง ๆ มารวมกันได้ ซึ่งต้องอาศัยทั้งหลักการประสานงานในด้านอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์ โดยงานที่ต้องการทักษะจำนวนมากในเวลาพร้อม ๆ กันอย่างเช่นงานของเหล่าแพลนเนอร์นั้น ยังเป็นสิ่งที่ AI พัฒนาไปได้ไม่ดีพอ
  9. นักออกแบบกราฟิก
    งานออกแบบกราฟิกนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ทั้งยังต้องอาศัยการทำความเข้าใจอย่างมาก ว่าแท้จริงแล้วลูกค้าต้องการอะไร ซึ่งความต้องการของผู้บริโภคแต่ละคนก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่นเดียวกับการเขียนที่จะต้องมีทั้งความเป็นออริจินัลและสามารถสร้างขึ้นได้ตามความต้องการบนพื้นฐานของความเข้าใจและความคิดสร้างสรรค์
  10. ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
    ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์จำเป็นต้องทำงานโดยการพึ่งพาเครือข่ายความสัมพันธ์และการติดต่อประสานงานเพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีอยู่เสมอกับลูกค้า ซึ่งเป็นทักษะอีกข้อที่ AI ยังต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในเวลานี้
  11. นักพัฒนาซอฟต์แวร์
    การพัฒนาซอฟต์แวร์ต้องใช้ทั้งเวลาและทักษะอย่างมาก เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องตอบสนองลูกค้าที่มีความต้องการที่แตกต่างและยังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ผลิตภัณฑ์จึงต้องได้รับการปรับแต่งให้สมบูรณ์แบบอยู่เสมอ จึงยังคงเป็นเรื่องที่ยากสำหรับ AI ที่จะทำหน้าที่นี้แทนมนุษย์
  12. ผู้จัดการโครงการ
    เช่นเดียวกับนักวางแผนกิจกรรม ที่ผู้จัดการโครงการต้องเป็นผู้รับผิดชอบและเป็นผู้นำโครงการตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขาต้องสื่อสารกับคนอื่น ๆ ในโครงการอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังต้องจัดการกับตารางเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงและไม่มีรูปแบบที่แน่นอน แม้ AI จะสามารถช่วยผู้จัดการโครงการได้ดีและพาโปรเจ็กต์ไปสู่ความสำเร็จในระดับที่มากขึ้น แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้น้อยที่ AI จะเข้ามาแทนที่ตำแหน่ง PM ในเวลาอันใกล้นี้ 

คำถามที่ว่าหุ่นยนต์จะมาแทนที่มนุษย์หรือไม่ คงอาจตอบได้เพียง หุ่นยนต์ในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและกำลังเรียนรู้เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ในด้านหนึ่ง พวกมันอาจมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการจ้างงาน แต่ถึงอย่างนั้น ทักษะที่เกิดมาพร้อมกับมนุษย์หรือเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องเรียนรู้และสั่งสมมาด้วยตนเองผ่านการเข้าไปมีประสบการณ์และมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม อย่างความเข้าอกเข้าใจ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ ความคิดสร้างสรรค์ และความฉลาดทางอารมณ์ ต่างก็ยังเป็นคุณลักษณะที่ทำให้มนุษย์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและไม่สามารถถูกแทนที่ได้ ดังนั้นเราอาจไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลมากนักต่ออนาคตของการทำงาน เพราะ AI ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน แต่ถึงอย่างนั้นก็จะมีงานประเภทใหม่ ๆ เกิดขึ้นอีกมาก ซึ่งสิ่งที่ควรทำก็คือ การเพิ่มทักษะและปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการทำงานที่แตกต่างออกไปในอนาคตนั่นเอง

ที่มา : บทความ “12 jobs that robots (AI) will replace in the future, and 12 that won’t” (5 ตุลาคม 2021) โดย Dipayan Deshmukh

เรื่อง : กองบรรณาธิการ