Moji Edit แอปฯ ออกแบบ Emoji Avatar ของสองสาวคู่แฝด
Technology & Innovation

Moji Edit แอปฯ ออกแบบ Emoji Avatar ของสองสาวคู่แฝด

  • 16 Jun 2023
  • 1185

นอกจากความแน่นแฟ้นในความเป็นแฝดที่อาจมากกว่าแค่เป็นพี่น้อง คงจะยิ่งดีหากความเป็นตัวเอง ความชอบ ความสนใจ รวมถึงความฝันในชีวิต ก็ยังเป็นไปในทางเดียวกันจนสามารถทำธุรกิจร่วมกันได้ เพราะการเป็นพาร์ตเนอร์กับใครก็คงไม่อุ่นใจเท่าคนในสายเลือดเดียวกัน เหมือนที่สองสาวฝาแฝด โคลิน่า (Colina) และฮริปไซม์ ดีเมิร์ดเจียน (Hripsime Demirdjian) จากออสเตรเลีย พบแรงจูงใจในการเริ่มต้นกิจการสตาร์ตอัปของตัวเองตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย และร่วมกันปลุกปั้นแอปพลิเคชัน “Moji Edit” จนประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น มียอดดาวน์โหลดถึง 500,000 ครั้งภายในเวลาเพียง 4 สัปดาห์ และติดอันดับหนึ่งในแอปฯ ฟรียอดนิยมบน App Store ในออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และแคนาดา ปัจจุบันมีผู้ใช้งานอยู่มากกว่า 10 ล้านคนแล้วนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2016 ซึ่งมีการดาวน์โหลดมากถึง 30,000 ครั้งต่อวัน โดยจำนวนอีโมจิที่ยูสเซอร์สร้างขึ้นมาและใช้กันทั่วโลกวันนี้มีแล้วมากถึง 10,192,076 อีโมจิ

Moji Edit อีโมจิอวาตาร์ที่ครองใจคนใช้สมาร์ตโฟน
Moji Edit เป็นแอปพลิเคชันที่เปิดพื้นที่ให้ผู้ใช้สามารถออกแบบอีโมจิตามใจตนเองได้แบบ 100% ด้วยการใช้ AR และ AI เป็นหลัก โดยผู้ใช้บริการสามารถเลือกสร้างอีโมจิด้วยสองมือและหนึ่งเครื่องสมาร์ตโฟน ผ่านฟีเจอร์เซลฟี่สแกนใบหน้าด่วน จากนั้นอีโมจิจะถูกสร้างขึ้นภายในไม่กี่วินาที หรือใช้วิธีอัปโหลดรูปภาพในโหมดสแกนใบหน้าเพื่อสร้างอีโมจิ นอกจากนี้ยังมีบริการที่ดึงดูดใจทุกคนด้วยฟีเจอร์ 3D MOJI & AVATAR MAKER ให้ผู้ใช้สามารถสร้างอีโมจิในรูปแบบ 3 มิติและ 2 มิติ เพื่อใช้สื่ออารมณ์ของตนเองได้ชัดเจน หรือเลือกเป็นรูปแบบอวาตาร์ตัวการ์ตูนที่สะท้อนคาแรกเตอร์ของผู้ใช้บริการก็ได้ นอกจากนี้ยังมีบริการสร้างสรรค์อีโมจิเองด้วยการเลือกทรงผม หมวก แว่นตา การแต่งหน้า ตัวเลือกสี และเครื่องประดับสนุก ๆ อีกมากมายกว่า 1,000 แบบ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกเป็นใครก็ได้ในแบบที่ต้องการ

แอปพลิเคชันสุดฮิตที่ตอบโจทย์ความต้องการเบื้องลึกของคนชอบสื่อสารผ่านข้อความเช่นนี้ ดำเนินการโดยเทคสตาร์ตอัปชื่อ Double Trouble Creatives ซึ่งมีสองแฝดดีเมิร์ดเจียนคือ แฝดพี่โคลิน่ากับแฝดน้องฮริปไซม์เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือพวกเธอเริ่มทำธุรกิจของตนเองตั้งแต่ยังอยู่ในช่วงปีสุดท้ายของการเรียนสองปริญญาด้านกฎหมายและศิลปะ (จิตวิทยา) ที่ Macquarie University มหาวิทยาลัยระดับท็อป 3 ของออสเตรเลีย ด้วยความไม่แน่ใจในความสำเร็จบนเส้นทางอาชีพที่กำลังร่ำเรียน ประกอบกับความเป็นคนรุ่นใหม่ยุคออนไลน์ ทั้งคู่จึงตัดสินใจลองสำรวจเทคโนโลยีน่าสนใจและท้าทายความคิดสร้างสรรค์เผื่อค้นพบเส้นทางสายใหม่ที่ใช่มากกว่า เริ่มจากการสร้างชุมชนออนไลน์ขนาดใหญ่บน Instagram ที่มีผู้ติดตามกว่า 360,000 คน ก่อนลองสร้างอีโมจิต้นฉบับของตนเองออกมาใช้งาน ปรากฏว่าแต่ละโพสต์มีคนมากดถูกใจมากกว่า 60,000 คน ส่วนวิดีโอที่โพสต์ไปก็แสดงผลจำนวนคนดูนับล้าน

สอดคล้องกับที่บริษัทวิจัย Statista เคยทำการสำรวจพบว่า คนรุ่นใหม่นิยมส่งข้อความมากกว่าการโทรศัพท์หากัน และ 35% ของวัยรุ่นในปัจจุบันชอบส่งข้อความถึงเพื่อนในรูปแบบอื่น ๆ นอกเหนือจากการพบปะ และอีโมจิก็เป็นเครื่องมือชั้นดีที่สามารถใช้สื่ออารมณ์และความคิดได้แม่นยำกว่าคำพูด โดยไม่เกิดการเข้าใจผิด อีกทั้งยังได้เริ่มรับความนิยมในแคมเปญส่งเสริมการขายช่องทางดิจิทัล โซเชียลมีเดีย และการตลาดผ่านอีเมล

ดังนั้นถึงแม้จะไม่มีพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีหรือไอทีกันมาเลย แต่สิ่งที่พวกเธอมีและสำคัญกว่าคือวิสัยทัศน์รวมถึงความเชื่อมั่นในช่องว่างแห่งโอกาส พี่น้องดีเมิร์ดเจียนต่างเล็งเห็นตรงกันถึงโอกาสในอนาคต ว่าการส่งความนิยมในการส่งอีโมจิจะขยายวงกว้างขึ้น จึงตัดสินใจร่วมกันสร้างแอปพลิเคชั่น Moji Edit เมื่อตอนอายุ 24 ปี โดยดึงนักพัฒนาระบบ iOS อีกหนึ่งคนเข้ามาร่วมปลุกปั้นสานฝันของสองแฝด

Double Trouble Creatives สตาร์ตอัปฉบับฝาแฝด
Moji Edit เริ่มเปิดตัวในปี 2016 พร้อมผลลัพธ์ที่รับรองว่าพวกเธอมาถูกทาง เพราะภายในสัปดาห์แรกก็มีสมาชิกดาวน์โหลดแอปฯ มากกว่า 50,000 ราย โดยมียอดลงทะเบียนถึง 5,000 รายใน 24 ชั่วโมงแรก ในเดือนแรกมีผู้ใช้ใหม่มากกว่า 500,000 ราย ก่อนจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างทวีคูณจนถึง 10 ล้านคน

"เราเป็นคนกำหนดเทรนด์จริง ๆ " แฝดผู้พี่แห่ง Double Trouble Creatives กล่าวถึงเคล็ดลับความสำเร็จ พร้อมย้ำว่าสำหรับแอปพลิเคชันนั้น การเป็นเจ้าแรกถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะทำให้มีผู้ใช้บริการที่ภักดีต่อแบรนด์และวางใจต่อการเลือกใช้อีโมจิอวาตาร์ของแอปฯ Moji Edit เสมอมา

ด้วยความสำเร็จท่วมท้น ทีมจึงเริ่มขยายจากตั้งต้นที่ 3 เสาหลัก เพิ่มเป็น 8 คน โดยแต่ละคนมีทักษะความถนัดเฉพาะตัว “เรามีวิศวกร นักออกแบบ แอนิเมเตอร์ 3 มิติ นักวาดภาพ 3 มิติ นักวาดภาพ 2 มิติ และเราเองที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจนี้ มารวมตัวเป็นทีมทำงานร่วมกัน แต่ละคนมีความมุ่งมั่นในวิสัยทัศน์เดียวกัน เพื่อให้แน่ใจว่าเรากำลังสร้างสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับฐานผู้ใช้ของเรา" เช่นดียวกับการทำงานของสองศรีพี่น้องที่รับตำแหน่งซีอีโอของบริษัทร่วมกัน ก็สะท้อนถึงความผูกพันแน่นแฟ้น  

“เราไม่เคยกำหนดบทบาทความเป็นผู้นำของเราจริง ๆ เพราะด้วยความที่เป็นฝาแฝด เราจึงเข้าใจได้โดยธรรมชาติว่าแต่ละคนทำหน้าที่ใดได้ดีที่สุด” แฝดพี่กล่าว

ความสำเร็จอย่างรวดเร็วทั้งที่อายุยังน้อย ส่งผลให้ทั้งคู่ได้รับเลือกติดอันดับ Forbes 30 Under 30 Asia เมื่อปี 2020 ในด้านคอนซูเมอร์เทค ซึ่งนอกเหนือจากความรู้สึกยินดีแล้ว แฝดทั้งสองยังตระหนักด้วยว่านี่คืออีกหนึ่งโอกาสอันดีที่จะทำให้ทั้งคู่สามารถสานต่อภารกิจที่มุ่งหวังต่อไปได้ พร้อมผลักดันนวัตกรรมในมิติใหม่ ๆ เพราะเชื่อว่าอวาตาร์และมนุษย์เสมือนจะเปลี่ยนโลกได้ และหวังว่าสิ่งที่พวกเธอสร้างสรรค์ขึ้นจะช่วยให้เข้าถึงความจริงของการมีอยู่ของมนุษย์ในโลกดิจิทัล นั่นคือสิ่งที่คู่แฝดตั้งใจจะทำต่อไปกับ Double Trouble Creatives สตาร์ตอัปของคนรุ่นใหม่ที่ยืนหยัดอยู่ได้ด้วยเงินลงทุนส่วนตัว โดยไม่ต้องพึ่งพาทุนสนับสนุนจากนักลงทุนภายนอก

“ในขณะที่เราทุกคนขับเคลื่อนนวัตกรรมแห่งอนาคตไปข้างหน้า เราไม่เพียงเชื่อในอนาคต แต่เรากำลังสร้างอนาคตทุกวันด้วยงานที่เราทำ หัวใจที่มุ่งมั่นของเราคือการสร้างโลกที่ดีขึ้นด้วยอวาตาร์”


Double Ttrouble Creatvies

อวาตาร์คู่แฝดในโลกเสมือนจริงในบทบาทอินฟลูเอนเซอร์
นอกจากภารกิจในชีวิตจริงที่ต้องบริหารธุรกิจเป็นหลักแล้ว อีกบทบาทหนึ่งก็ยังสนุกกับการสร้างอวาตาร์สองสาว “Hripsy” และ “Colina” ขึ้นมาเป็นตัวแทนเพื่อโลดแล่นอยู่ในโลกเสมือนจริงในฐานะอินฟลูเอนเซอร์สาวเก่งนำเทรนด์แฟชั่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผู้ใช้เวลาว่างแนะนำสิ่งต่าง ๆ ในชีวิต ทั้งแฟชั่น ท่องเที่ยว อาหารที่ชื่นชอบ และคอยอัปเดตข่าวสารให้กับแฟน ๆ ผู้ติดตาม Instagram (@hripsyandcolina) มากกว่า 135,000 คน และแน่นอนว่าเรื่องราวที่ได้แบ่งปันผ่านอวาตาร์นั้นย่อมมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะตัวตนแท้จริงของพวกเธอนั้นวนเวียนแวดล้อมอยู่กับการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อปลดปล่อยไอเดีย ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ ปั้นโปรเจ็กต์ต่าง ๆ วาดรูปบนไอแพด หรือไม่ก็ชอบออกไปเดินเล่นและถ่ายรูปสวย ๆ เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ศิลปะ และสถาปัตยกรรม เป็นความหลงใหลที่เพิ่งค้นพบจากการเดินทางครั้งล่าสุดของพวกเธอ


@hripsyandcolina / Instagram

ส่วนแรงบันดาลใจในการสร้างอวาตาร์อินฟลูเอนเซอร์ขึ้นมาก็เพราะความเป็นแฝดนั่นเอง ด้วยความที่มีอะไรเหมือนกันหลายอย่าง ตั้งแต่การเรียนปริญญาด้านกฎหมายเหมือนกัน ไปจนถึงการเริ่มต้นบริษัทที่ประสบความสำเร็จด้วยกัน ผนวกกับความอยากรู้อยากเห็นของแต่ละคน โลกเสมือนของ Hripsy และ Colina จึงเป็นโลกอีกใบที่ทั้งคู่หลงใหลและรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เข้าใปสำรวจ


@hripsyandcolina / Instagram

“ในฐานะฝาแฝดที่เหมือนกัน ทำให้เรามีความสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับมนุษย์ การที่ฝาแฝดของเราเป็นคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เกิดมาพร้อม ๆ กัน ถือเป็นของขวัญที่มีชีวิตต่อวิทยาศาสตร์และมนุษยชาติรวมกัน และเรามองว่าการมีชีวิตเหมือนอวาตาร์นั้นเป็นความก้าวหน้าตามธรรมชาติของการเดินทางในชีวิตของเรา”

ที่มา : เว็บไซต์ www.doubletrouble.tech
บทความ “Hripsime and Colina Demirdjian of The Moji Edit and ScreenKit apps on launching a tech company without a tech background, and reaching half a million downloads after the first month” จาก https://entreprenista.com
บทความ “Double Trouble Creatives” จาก www.forbes.com
บทความ “Double Trouble Creatives in the PCMag Startup Spotlight” โดย Gadjo Sevilla จาก www.pcmag.com
บทความ “Meet the twins with no tech experience who developed and app that lets anyone turn themselves into an emoji – and they already have half a million users in just a few week” โดย Emily Crane จาก www.dailymail.co.uk
บทความ “The Aussie Twin Sisters Who Pioneered the Personalised Emoji After seeing a gap in the market in the exploding emoji space, sisters Colina and Hripsime Demirdjian created Moji Edit” โดย Kezia Parkins จาก https://globalshakers.com
บทความ “Why It’s Never Too Late to Change Your Career ” โดย Colina และ Hripsime Demirdjian จาก https://firsthand.co

เรื่อง : ศศิธร อุบลแย้ม