ใจล้าไม่ไหว AI ช่วยได้...ฟื้นพลังชีวิตด้วย 4 แอปฯ ฝึกสมาธิ ช่วยรีเซ็ตใจใน 10 นาที
Technology & Innovation

ใจล้าไม่ไหว AI ช่วยได้...ฟื้นพลังชีวิตด้วย 4 แอปฯ ฝึกสมาธิ ช่วยรีเซ็ตใจใน 10 นาที

  • 28 Apr 2025
  • 165

หากโลกที่หมุนไวและความเคลื่อนไหวที่ไม่เคยหยุดพักในโซเชียลมีเดีย ทำให้ช่วงเวลาที่เคยใช้กับตัวเองหดหาย ขณะเดียวกันความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการใช้ชีวิต ภาระด้านความเป็นอยู่ และอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟันเพื่อก้าวขึ้นไปให้ถึงเป้าหมายในหน้าที่การงาน ไม่เพียงทำให้ร่างกายอ่อนล้า แต่ภายในใจยังต้องแบกความรู้สึกกดดัน เครียด และซึมเศร้าเพิ่มขึ้นทุกวัน

โดยธรรมชาติ เมื่อร่างกายเราเหนื่อยล้าจากการทำงานหรือมีเรื่องทุกข์ใจ “คอร์ติซอล” หรือฮอร์โมนความเครียดจะทำงานเพื่อให้ร่างกายตอบสนองต่อความเครียดที่เกิดขึ้น และถ้าคอร์ติซอลสะสมในระดับสูงนานเกินไป ก็จะเริ่มส่งผลเสียต่อสุขภาพจนเกิดความเครียดเรื้อรังและส่งผลต่อไปยังระบบอื่น ๆ วิธีคลายเครียดที่ได้ผลจึงควรเป็นวิธีที่ช่วยส่งผลต่อทั้งทางกายภาพและอารมณ์ภายในใจ ช่วยให้เกิดภาวะผ่อนคลายอย่างแท้จริง 

โดยงานวิจัยหลายฉบับชี้ตรงกันว่า สิ่งที่ช่วยให้ร่างกายพักผ่อนได้ดีวิธีหนึ่งคือการทำ “สมาธิ” แม้ว่าความเร่งรีบในแต่ละวันจะทำให้เราไม่มีเวลานั่งสมาธิมากนักก็ตาม แต่ผลการศึกษาวิจัยจาก Behavioral Brain Research พบว่า การทำสมาธิสั้น ๆ วันละ 13 นาที เพียง 8 สัปดาห์ เกิดประโยชน์อย่างยิ่ง โดยช่วยลดอารมณ์เชิงลบ เพิ่มสมาธิและความจำในการทำงานให้กับผู้ที่แม้ไม่เคยฝึกนั่งสมาธิมาก่อนเลย

ดังนั้นหากมีเวลาหลังเลิกงาน การอยู่กับตัวเองและได้ปลดปล่อยสมองบ้าง ไม่เพียงจะช่วยผ่อนคลายความเครียดที่ร่างกายสะสมมา ยังช่วยได้ลึกถึงระดับจิตวิญญาณ ส่วนมือใหม่ที่ไม่รู้จะเริ่มต้น “ทำสมาธิ” อย่างไร เราขอเสนอทางเลือกที่จะช่วยได้ง่าย ๆ โดยให้ AI ในแอปพลิเคชันช่วยแนะนำการทำสมาธิ เป็นการพักผ่อนจิตใจและลดความเครียด ซึ่ง “คิด” คัด 4 แอปฯ เด็ดตัวโดนที่น่าสนใจมาให้แล้วดังนี้


(calm.com)

1. Calm
การฝึกหายใจ เป็นการทำสมาธิง่าย ๆ สำหรับคนที่เหนื่อยล้าให้ได้จัดการความรู้สึกเหนื่อยใจ เบื่อหน่ายลูปชีวิต เครียดง่ายจากการทำงาน ได้เยียวยาและค้นพบความสงบภายใน เป็นการฝึกเชื่อมโยงกายภายนอกกับจิตใจตัวเองด้วยความสงบนิ่ง 

Calm เป็นแอปฯ ทำสมาธิและรีแลกซ์ใจยอดนิยมที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2012 โดย อเล็กซ์ ธิว (Alex Tew) นักออกแบบเว็บไซต์ชาวอังกฤษที่สร้างชื่อเสียงและฐานะจนมั่งคั่งจากการออกแบบเว็บไซต์ The Million Dollar Homepage จากไอเดียขายลิงก์โฆษณาในบล็อกพื้นที่ขนาด 10×10 พิกเซล โดยร่วมกับไมเคิล แอคตัน สมิธ (Michael Acton Smith) ทำให้ทั้งสองคนเป็นยูนิคอร์นในสายแอปพลิเคชันด้าน Mental Health แห่งแรกของโลก ที่ปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีผู้ใช้งานดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 150 ล้านครั้ง ได้รีวิวมากกว่า 2.5 ล้านรีวิว ด้วยคะแนน 5 ดาวบน iOS รวมทั้งยังได้รับรางวัล อาทิ iPhone App of the Year ประจำปี 2017 รางวัล Editor's Choice จาก Google Play ประจำปี 2018 และนิตยสาร Time ยังเคยได้จัดอันดับให้ Calm เป็นหนึ่งใน 100 บริษัทที่มีอิทธิพลมากที่สุดประจำปี 2022 โดยแอปฯ นี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพใจจากชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ มีฟังก์ชันช่วยผ่อนคลายและจัดการความเครียดหลายโหมด อาทิ

  • Guided Meditation โหมดฝึกทำสมาธิแบบมีเสียงคนแนะนำ โดยเลือกหัวข้อที่ต้องการทำสมาธิได้หลายแบบ อาทิ การสมาธิเบื้องต้น (How to Meditate) สมาธิลดความเครียด (Anxiety Release) สมาธิช่วยเรื่องนอนหลับ (Letting Go into Sleep) และยังมีโหมดสำหรับวันทำงานอย่างการทำสมาธิก่อนการประชุม 60 วินาที และบทเรียน “การเป็นผู้นำอย่างมีสติ” รวมถึงโหมดสมาธิสำหรับเด็ก
  • Sleep Stories เลือกนิทานเปิดฟังก่อนนอนได้ ซึ่งหลายเรื่องมีการให้เสียงอ่านโดยนักแสดงคนดังที่หลายคนคุ้นเคย
  • Soundscapes & Music ฟังเสียงดนตรีบรรเลงหรือเสียงธรรมชาติเพื่อผ่อนอารมณ์ เช่น เสียงฝน เสียงคลื่นทะเล เสียงบรรยากาศในป่า ลมพัดไม้ไหว 
  • Daily Calm โปรแกรมฝึกสมาธิสั้น ๆ ประจำวัน ประมาณ 10 นาที เพื่อการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยใจสงบ
  • Breathing Exercises แบบฝึกหัดหายใจเพื่อช่วยเรื่องการผ่อนคลาย
  • Music เลือกฟังเพลงฮิตหรือเพลงผ่อนคลาย หรือเลือกฟังเพื่อให้มีสมาธิจดจ่อในระหว่างทำงานก็ได้

โดยสรุป Calm เหมาะทั้งกับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำสมาธิหรือผู้มีประสบการณ์แล้ว ใช้งานง่าย และสามารถบันทึกประวัติหลังการใช้งานเพื่อดูพัฒนาการภาวะทางอารมณ์ของตัวเราเองได้ ไม่ว่าจะในโหมด Mood Check-In, Gratitude Check-In, Daily Calm Reflection หรือ Sleep Check-In ข้อเสียคืออาจยังไม่สะดวกใช้งานสำหรับผู้พิการทางสายตา และแม้มีเวอร์ชันให้ใช้ฟรีแต่ก็จำกัดการใช้งานไว้แค่บางโหมด ดังนั้นหากต้องการใช้งานทั้งหมดต้องสมัครสมาชิกแบบพรีเมียม (Calm Premium) โดยมีค่าสมัครรายปีอยู่ที่ 2,275 บาท หรือแบบ 425 บาทต่อเดือน สามารถทดลองใช้ก่อนได้ฟรี 7 วัน


(headspace.com)

2. Headspace
แค่เสิร์ชเจอโลโก้หน้ายิ้มบนพื้นหลังสีเหลืองของ Headspace ใน Google Play Store หรือ Apple Store ก็ชวนให้รู้สึกสดใสขึ้นได้แล้ว เพราะอินเทอร์เฟซที่น่ารักให้ความรู้สึกเป็นมิตรตั้งแต่แว้บแรกที่กดเข้าแอปฯ นั่นเอง Headspace ก่อตั้งโดย แอนดี พุดดิคอมบ์ (Andy Puddicombe) ชายชาวอังกฤษผู้เคยบวชเรียนพุทธศาสนา และยังเคยเดินทางจาริกมาแล้วหลายประเทศอย่างเนปาล อินเดีย เมียนมา รวมถึงประเทศไทย ก่อตั้งบริษัทพัฒนาแอปพลิเคชันในปี 2010 ร่วมกับ ริชาร์ด เพียร์สัน (Richard Pierson) ปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก และทำรายได้รวมในปี 2024 ได้ถึงประมาณ 348.4 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนั้นยังผลิตสารคดีร่วมกับ Netflix จำนวน 8 ตอน เรื่องการทำสมาธิที่เข้าใจง่าย อธิบายด้วยการ์ตูนแอนิเมชัน เพื่อบอกว่าสมาธิดีต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างไร

การใช้งานแอปฯ ก็ทำได้ง่าย เพียงตอบคำถามเพื่อสำรวจคุณภาพจิตใจและเป้าหมายในการใช้งานไปตามขั้นตอน ไม่ว่าจะอยากนอนหลับดีขึ้น อยากลดความเครียด ต้องการฝึกทำสมาธิ หรือฝึกใจสงบในชีวิตประจำวัน แอปฯ จะเลือกฟังก์ชันให้ตรงกับเป้าหมายของเรา โดยคัดสรรแต่ละเมนูมาให้ แบ่งตามเวลา เช้า บ่าย ค่ำ จากเซ็กชัน Meditate, Sleep, Move และ Focus มีวิดีโอแนะนำขั้นตอนง่าย ๆ ทำให้เข้าใจเนื้อหาต่าง ๆ ได้ หรือจะเลือกแต่ละฟังก์ชันในแอปฯ เอาเองก็มีให้เลือกหลากหลายแบบ เช่น

  • การทำสมาธิตามคำแนะนำ (Guided Meditation) โดยแบ่งเป็นโปรแกรมที่ช่วยลดปัญหาความเครียด ความวิตกกังวล (Managing Anxiety) สมาทานรักและเมตตาตัวเอง (Loving-Kindness) เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการฝึกหายใจที่ช่วยเพิ่มสมาธิและความสงบในชีวิตประจำวัน (Start Your Day)
  • เนื้อหาเพื่อการนอนหลับ (Sleep Content) ประกอบด้วย Sleepcasts นิทานก่อนนอน เพลงผ่อนคลาย และเสียงธรรมชาติ เช่น ฝนตก คลื่นทะเล เพื่อช่วยให้หลับง่ายขึ้น สามารถตั้งเวลาไว้เผื่อฟังจนหลับไปได้
  • การเคลื่อนไหวอย่างมีสติ (Mindful Movement) มีวิดีโอการทำโยคะและการออกกำลังกายยืดเหยียดร่างกายที่เน้นสร้างสติ ส่งเสริมสุขภาพกายและใจ
  • เพลย์ลิสต์เสียงดนตรี (Music) ช่วยให้มีสมาธิจดจ่อกับงานตรงหน้าด้วยเพลง Lo-Fi เปียโน แจ๊ส หรือเสียงแอมเบียนต์ที่ช่วยปรับคลื่นสมอง ช่วยให้โฟกัสมากขึ้น
  • แผนการเรียน (Courses) เรียกว่าเป็นจุดเด่นอีกอย่างของ Headspace ที่มีคอร์สให้ฝึกได้อย่างต่อเนื่อง เช่น 10 วันฝึกความสงบ 30 วันเพิ่มสมาธิ หรือ 7 วันเพื่อการนอนหลับ โดยแอปฯ จะติดตามความก้าวหน้าโดยอัตโนมัติ

Headspace เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยฝึกสมาธิมาก่อน เพราะเข้าใจง่าย ฝึกตามได้ง่าย และมีเนื้อหาหลากหลายให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นแบบฝึกหัดขนาดยาวเพื่อให้เห็นพัฒนาการที่ชัดเจน หรือเทคนิคสั้น ๆ ช่วยคนนอนหลับยาก เครียดง่าย ให้ทดลองฝึกสมาธิเป็น ช่วยในการโฟกัสและจัดการอารมณ์ในแต่ละวัน ระบบสมัครสมาชิกมีค่าสมัครรายปีอยู่ที่ 3,225 บาท ทดลองใช้ฟรีได้ 14 วัน หรือแบบ 268.80 บาทต่อเดือน ทดลองใช้ฟรีได้ 7 วัน


(Endel.io)

3. Endel
แอปพลิเคชันที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สร้างเสียงในฟังก์ชันชื่อ “Soundscapes” ขึ้นตามสภาพแวดล้อมและสภาวะของผู้ใช้แบบเรียลไทม์ เช่น เวลา สภาพอากาศ อัตราการเต้นของหัวใจ และตำแหน่งที่ตั้ง เพื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรมของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นทำงาน พักผ่อน หรือเพื่อนอนหลับ โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกประเภทเสียงได้ตามโหมดที่ต้องการ เช่น Focus เสียงที่ช่วยสร้างสมาธิเพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน Relax ช่วยให้จิตใจสงบ ลดความเครียด Sleep ช่วยให้นอนหลับลึกและมีคุณภาพ Activity เสียงช่วยเพิ่มความรู้สึกตื่นตัว กระปรี้กระเปร่าในการเคลื่อนไหว หรือ Recovery เสียงช่วยฟื้นฟูร่างกายและจิตใจจากความเหนื่อยล้า และยังร่วมมือกับศิลปินและองค์กรต่าง ๆ สร้างแอมเบียนต์ที่หลากหลายและน่าสนใจ เช่น Grimes สร้างเสียง AI Lullaby เหมาะสำหรับฟังก่อนนอน หรือ James Blake สร้างอัลบั้ม Wind Down ฟังเสียงเพลงเพื่อผ่อนคลาย หรือ Universal Music Group สร้างเสียงที่ปรับเปลี่ยนได้ตามสภาพแวดล้อมและสภาวะของผู้ใช้ ช่วยเรื่องการโฟกัส การผ่อนคลายและนอนหลับได้ดีขึ้น

Endel ยังมีโหมด “Scenarios” ให้เลือกเสียงที่ออกแบบสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น

  • Anxiety Relief ลดความวิตกกังวล
  • Binaural Beats เพิ่มสมาธิด้วยคลื่นเสียงเฉพาะ
  • ASMR ผ่อนคลายด้วยเสียงกระตุ้นประสาทสัมผัส
  • Tinnitus Relief บรรเทาอาการหูอื้อ
  • Meditate เสริมสร้างสมาธิและความสงบภายใน

แอปฯ ยังใช้ได้ทั้งบนมือถือระบบ iOS, Android และ Apple Watch หรือใช้บนคอมพิวเตอร์ Mac หรือ Windows และยังเล่นบน Alexa, Spotify และ Apple Music ได้ มีเวอร์ชันทดลองใช้ฟรี 7 วัน ปรับเปลี่ยนเสียงตามต้องการได้มากกว่า 30 เสียง หรือถ้าต้องการใช้ฟังก์ชันทั้งหมดต้องเลือกสมัครสมาชิกแบบรายปีในราคา 1,399.99 บาทต่อปี

Endel เป็นแอปฯ ที่มีจุดเด่นในการสร้างเสียงที่ปรับตามผู้ใช้ มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย โดยรีวิวบอกว่าเสียงที่สร้างโดย AI ของ Endel ช่วยให้มีสมาธิในการทำงานและรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นได้ และเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีปัญหาในการนอนหลับ


(lumenategrowth.com)

4. Lumenate
เจย์และทอม สองผู้ก่อตั้ง Lumenate พบกันครั้งแรกและเป็นเพื่อนกันตอนศึกษาสาขาวิศวกรรมศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล สหราชอาณาจักร จนกระทั่งปี 2019 พวกเขาก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัปและให้กำเนิด Lumenate ด้วยวิสัยทัศน์ที่อยากทำให้ประสบการณ์สำรวจจิตใต้สำนึกช่วยในการเข้าถึงสมาธิ ปรับความเครียด และใช้งานได้ง่าย

Lumenate เป็นแอปฯ สอนทำสมาธิโดยการใช้แสงแฟลชมือถือกะพริบเป็นจังหวะเพื่อปรับคลื่นสมองให้เข้าสู่สภาวะจิตนิ่ง (Altered states) จากผลทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า เป็นวิธีที่ช่วยลดความเครียด ปรับจิตสมดุลเข้าสู่สมาธิ อธิบายการทำงานของแอปฯ ง่ายๆ ได้ว่า ใช้หลักของการประสานคลื่นสมอง (Neural Entrainment) กับจังหวะที่สร้างขึ้นภายนอก อย่างเช่น การกะพริบแสงไฟ เสียงดนตรี หรือจังหวะต่าง ๆ ที่ร่างกายสัมผัสได้ ปรับให้สมองเริ่มตามจังหวะนั้น ๆ จนเข้าสู่สภาวะสมาธิ ในลักษณะเดียวกับการที่เราฟังดนตรีบำบัด หรือฟังเสียงแอมเบียนต์บางประเภทที่ช่วยให้สมองเข้าสู่สภาวะสงบ มีสมาธิ ทำให้นอนหลับง่ายขึ้นหรือหลับลึกได้ ซึ่งในบางการศึกษาวิจัยยังมีการใช้หลัก Neural Entrainment เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมฝึกสมองเพื่อช่วยในการเรียนรู้ ความจำ และการคิดแก้ปัญหา หรือใช้ร่วมกับการเรียนภาษาเพื่อช่วยให้จำข้อมูลระยะสั้นได้ดีขึ้น

เริ่มแรกใช้งาน เราจะต้องตอบคำถามเพื่อค้นหาเป้าหมายในการใช้งาน เช่น ต้องการรีแล็กซ์ นอนหลับดีขึ้น หรือลดความเครียด จากนั้นแอปฯ จะบอกให้เราทำตามทีละขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มจากจัดท่าให้สบาย เลือกได้ทั้งท่านั่งหรือนอน อยู่ในห้องที่มืดสนิท ถือหรือวางโทรศัพท์ให้หันด้านไฟฉายของโทรศัพท์ส่องเข้าใบหน้าในขณะที่เราหลับตา ทำใจให้สบาย เมื่อเข้าสู่เซ็กชันจะมีเสียงแนะนำขั้นตอนต่อไป แสงกะพริบที่ส่องมาจะเป็นจังหวะประมาณ 10 นาที ข่าวดีคือเซ็กชันทดลองนี้ใช้ได้ฟรี

แต่มีคำเตือนสำคัญคือ แอปฯ นี้ไม่อนุญาตผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือผู้ที่มีประวัติเป็นโรคไมเกรน โรคลมบ้าหมู หรือมีบุคคลในครอบครัวเป็นโรคนั้น ๆ เนื่องจากความไวของแสงกะพริบอาจกระตุ้นให้เกิดอาการหรือชักได้ รวมทั้งคนที่เคยมีประวัติเกิดอาการเวียนหัวจากความไวแสง ตั้งครรภ์ เคยผ่าตัดหรือมีอาการผิดปกติของสมอง เป็นโรคทางจิตเวช มีอาการแพนิกหรือซึมเศร้า หรือเมารถเมาเรือง่าย และห้ามใช้ขณะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นหากไม่มั่นใจควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนใช้งาน 

ทั้ง 4 แอปพลิเคชันนี้ได้รับการยอมรับมานานหลายปี และมีผู้ใช้งานหลายล้านราย ความสะดวกในยุคดิจิทัลของการมีแอปฯ ผู้ช่วยฝึกสมาธิ ลดความเครียดหลังเวลางาน ทำให้ใช้ได้ทุกที่ในเวลาที่เราเลือกได้เอง ไม่ต้องเข้าคลาสกับครูฝึก และยังมีโปรแกรมให้เลือกหลากหลายภายในแอปฯ เดียว เป็นการเริ่มต้นฝึกสมาธิของมือใหม่ได้ดี และในแอปฯ มักมีฟังก์ชันแจ้งเตือน หรือบันทึกติดตามความก้าวหน้า ช่วยให้เราตั้งเป้าหมายรายวันให้ฝึกและได้เห็นผลต่อเนื่อง การฝึกสมาธิช่วยให้จิตใจนิ่งและรู้สึกสงบ พร้อมรับสถานการณ์ตึงเครียดจากการทำงาน ฝึกให้รู้จักเบรกความคิดฟุ้งซ่าน ควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น และยังส่งผลถึงการทำงานของสมองให้ดีขึ้นอีกด้วย อย่าลืมทดลองใช้ ก่อนเลือกแอปฯ ที่เรารู้สึกถนัดและช่วยเราได้ดีที่สุด

ที่มา : ตัวอย่างซีรีส์อย่างเป็นทางการ "Headspace: วิธีฝึกสมาธิ" 
บทความ “Headspace สตาร์ตอัปพันล้าน ที่ก่อตั้งจากอดีตพระภิกษุ” โดย ลงทุนแมน 
บทความ “How Headspace hit $348.4M revenue and 100M customers in 2024” จาก getlatka.com
บทความ “I Tried The Calm App—Here’s My Honest Review” โดย Kimberly Dawn Neumann และ Sarah Davis
บทความ “The Former Monk Who Runs A $100m Meditation Firm” จาก cordmagazine.com
บทความ “ภาวะเครียด” จาก Bumrungrad International Hospital 
ภาพยนตร์สารคดี Headspace: Unwind Your Mind 
วารสารนานาชาติสหวิทยาการสาขาประสาทวิทยาพฤติกรรม Behavioural Brain Research 
เว็บไซต์ "calm.com"