รักจะใช้ AI ต้องไม่เดือดร้อนโลก : 3 วิธีใช้ AI อย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
Technology & Innovation

รักจะใช้ AI ต้องไม่เดือดร้อนโลก : 3 วิธีใช้ AI อย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

  • 07 May 2025
  • 75

ตั้งแต่เริ่มต้นการพัฒนา “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ “AI” ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มประสิทธิภาพในแทบทุกภาคอุตสาหกรรม ล่าสุด AI ได้ถูกรวมเข้ากับข้อมูลทางฟิสิกส์เพื่อสร้างแบบจำลองภูมิอากาศ โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แซนดีเอโก ได้เผยผลลัพธ์ที่น่าตื่นตะลึง เพราะมันสามารถคาดการณ์รูปแบบภูมิอากาศล่วงหน้า 100 ปีได้ภายในเวลาเพียง 25 ชั่วโมง เร็วกว่าโมเดลก่อน ๆ ที่ใช้เวลาหลายวัน ถือเป็นก้าวกระโดดที่สำคัญของวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพที่น่าทึ่งนี้ก็ไม่ได้ปราศจากซึ่งต้นทุน เพราะ AI เองก็มี “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” ที่ต้องพิจารณา


(Growtika / Unsplash)

ท่ามกลางข้อถกเถียงของการใช้ AI ในปัจจุบัน ทำให้ทราบว่า การฝึกฝนโมเดล AI ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโมเดลภาษาที่ได้รับความนิยม เช่น ChatGPT ต้องใช้พลังงานมหาศาล โดยต้องพึ่งพาศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่สร้างความร้อนจำนวนมากและต้องใช้น้ำในปริมาณมหาศาลเพื่อระบายความร้อนให้ระบบสามารถทำงานได้ต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2040 ภาคเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) อาจเป็นแหล่งกำเนิดก๊าซเรือนกระจกถึง 14% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก 

นอกจากนี้ สายไฟและชิ้นส่วนต่าง ๆ ของโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ล้วนผลิตจากแร่ธาตุหายากซึ่งได้จากการทำเหมืองอย่างไม่ยั่งยืน ตลอดจนขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ปนเปื้อนในดินและแหล่งน้ำ ก็ยิ่งทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า AI อาจส่งผลเสียสุทธิต่อสุขภาพของโลกใบนี้อย่างไร

แม้จะมีข้อกังวล แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า AI ยังคงพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดพร้อม ๆ กับจำนวนผู้ใช้บริการ และได้รับการนำไปในหลายภาคส่วน ซึ่งอาจบ่งบอกว่า พลังงานที่ใช้ไปนั้นไม่ได้เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ และอาจก่อให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม เช่น การช่วยย่นระยะเวลาในการวิจัยและแก้ปัญหาประเด็นเร่งด่วนด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม

คำถามที่สำคัญจึงอยู่ที่ว่า แล้วเราจะมีวิธีการใช้ AI อย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร เพื่อให้เทคโนโลยีอัจฉริยะนี้เป็นพลังเสริมที่ยั่งยืนต่อโลกใบนี้อย่างแท้จริง


(Nguyen Dang Hoang Nhu / Unsplash)

3 วิธีใช้ AI อย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
แม้ AI จะทรงพลังเพียงใด แต่การใช้งานที่ไม่ระวังก็อาจทิ้ง “รอยเท้าคาร์บอน” ไว้ให้โลกโดยไม่รู้ตัว หากอยากเป็นผู้ใช้ AI ที่คำนึงถึงความยั่งยืน ลองเริ่มจาก 3 วิธีปฏิบัติง่าย ๆ ต่อไปนี้

  1. ใช้ AI เมื่อจำเป็นเท่านั้น
    ก่อนเปิดใช้ AI ทุกครั้ง ลองถามตัวเองว่า นี่คือเครื่องมือที่เหมาะสมที่สุดหรือไม่ เพราะหลายงานอาจไม่ต้องพึ่งพา AI เสมอไป เช่น การหาข้อมูลทั่วไปที่ Google สามารถตอบได้ทันที แถมบางบริการยังใช้พลังงานหมุนเวียนแล้วด้วย การเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม คือจุดเริ่มต้นของการลดการปล่อยคาร์บอนโดยไม่รู้ตัว
  2. ปรับปรุงคำสั่ง (Prompt) ให้ตรงเป้าที่สุด
    ทุกคำสั่ง (Prompt) ที่ส่งให้ AI ประมวลผล ต่างต้องใช้พลังงานจากเซิร์ฟเวอร์ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้คำถามซ้ำ ๆ หรือการทดลองผิดถูกหลายครั้งหากเป็นไปได้ นอกจากนี้ การตั้งคำถามให้ชัดเจนและตั้งใจ มีอิทธิพลอย่างมากต่อคุณภาพของผลลัพธ์ที่คุณได้รับ ยิ่งคำสั่งที่มีรายละเอียดมาก คุณภาพของผลลัพธ์ก็จะมากตาม ทั้งยังช่วยให้คุณรู้สึกท้อแท้น้อยลงและได้รับคำตอบที่ดีกว่า โดยเคล็ดลับการตั้งคำสั่งให้มีประสิทธิภาพสูงสุด (อ้างอิงจาก Harvard IT Department) ได้แก่
    • ระบุให้ชัดเจน ว่าอยากได้อะไร เช่น “เขียนนิทานสำหรับเด็กประถม แนวสร้างแรงบันดาลใจ” แทนคำว่า “เขียนเรื่องราว” ที่จะได้ผลลัพธ์ทั่วไป
    • ใส่บริบท เช่น “ทำเหมือนกับว่าเป็นโค้ชด้านสุขภาพ” เพื่อให้ AI ปรับโทนให้เหมาะสม
    • ระบุรูปแบบผลลัพธ์ เช่น อยากได้ “สูตรอาหาร” “รายงาน” หรือ “โพสต์สำหรับ Facebook”
    • ใช้คำว่า “ทำ” และ “อย่าทำ” เช่น “อย่าใช้ภาษาทางการ” เพื่อให้ได้เนื้อหาตรงใจ
    • ใส่ตัวอย่างประกอบ เพื่อให้ AI เข้าใจสไตล์ที่ต้องการ
    • บอกโทนและกลุ่มเป้าหมาย เช่น “โทนสนุกสำหรับวัยรุ่น”
    • ต่อยอดจากคำสั่งเดิม แทนที่จะพิมพ์ใหม่ทุกครั้ง คุณสามารถค่อย ๆ เพิ่มข้อมูลและรายละเอียดในแต่ละคำสั่ง เพื่อเพิ่มความแม่นยำของคำตอบไปเรื่อย ๆ
    • ให้ฟีดแบ็กกลับไป บอกสิ่งที่ไม่ตรงใจ เพื่อให้ AI ปรับคำตอบรอบต่อไปให้ดียิ่งขึ้น
    • ขอให้ AI ช่วยสร้าง prompt ถ้าเริ่มต้นไม่ถูก เช่น “ช่วยบอกฉันว่าควรถามอะไรเพื่อเขียนโพสต์เรื่อง AI อย่างมีความรับผิดชอบ
      ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญมากก็คือ ต้องระลึกไว้เสมอว่า เนื้อหาที่สร้างโดย AI อาจไม่ถูกต้อง อาจทำให้เข้าใจผิด อาจเป็นการแต่งขึ้นมาใหม่ทั้งหมด หรืออาจเป็นเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงควรตรวจสอบงานที่มีเนื้อหา AI อย่างรอบคอบก่อนที่คุณจะนำไปใช้หรือเผยแพร่
  3. ติดตามรอยเท้าคาร์บอนของ AI
    ในปัจจุบัน บริษัทต่าง ๆ กำลังเริ่มใช้การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นต์เป็นหนึ่งตัวชี้วัดความสำเร็จ รวมถึงการวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ในการเลือกใช้งาน AI อย่างมีวิจารณญาณและรับผิดชอบ ตัวอย่างเช่น CodeCarbon ซอฟต์แวร์ที่โอเพนซอร์สที่ช่วยให้องค์กรติดตามการใช้พลังงานและปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากการประมวลผล AI บนคลาวด์หรือคอมพิวเตอร์ เพราะยิ่งเข้าใจผลกระทบ ก็จะยิ่งสามารถออกแบบนโยบายและการใช้งานเทคโนโลยีได้อย่างรอบคอบมากขึ้น

แม้ AI จะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงศักยภาพมากที่สุดยุคปัจจุบัน แต่ก็เฉกเช่นเดียวกับทุกนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาตลอดในประวัติศาสตร์ ที่ย่อมมีทั้งคุณและโทษ การใช้ AI อย่างรับผิดชอบจึงไม่ควรหยุดเพียงแค่การลดการใช้พลังงาน แต่ต้องครอบคลุมถึงการออกแบบและการใช้งานที่จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง เพราะท้ายที่สุดแล้ว เทคโนโลยีที่ดีก็ควรเป็นพลังที่ช่วยให้โลกนี้ดีขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ฉลาดขึ้นเท่านั้น

ที่มา : บทความ “How to use AI sustainably: a practical guide for greener tech” โดย Jamie-Leigh Hector 
บทความ “4 steps to using AI in an environmentally responsible way” โดย Mansour AlAnsari 
บทความ “Getting started with prompts for text-based Generative AI tools” จาก Harvard University Information Technology