เงี่ยหูฟังอดีตผ่าน Heritage Acoustics ศาสตร์ที่ฟื้นเสียงอดีตกาลให้ก้องกังวานอีกครั้ง
Technology & Innovation

เงี่ยหูฟังอดีตผ่าน Heritage Acoustics ศาสตร์ที่ฟื้นเสียงอดีตกาลให้ก้องกังวานอีกครั้ง

  • 16 May 2025
  • 65


(Andy Fluet / Unsplash)

คุณสมบัติของสถานที่ไม่ได้มีเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นหรือน่าดึงดูดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเสียงที่สิ่งก่อสร้างนั้นสร้างขึ้นมาด้วย 

เป็นเวลานานนับร้อยปีมาแล้วที่มนุษย์ให้ความสนใจการสร้างพื้นที่ที่มีลักษณะทางเสียงที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งลักษณะครึ่งวงกลมของชาวกรีกอันโด่งดัง ซึ่งมีเวทีอยู่ด้านล่างและที่นั่งสูงขึ้นไปเป็นขั้น ๆ เพื่อช่วยให้เสียงกระจายไปยังผู้ชมได้อย่างทั่วถึง หรือจะเป็นมหาวิหารสำคัญ ๆ ทั่วโลก ที่ออกแบบให้เกิดการสะท้อนของเสียงไปมาอย่างซับซ้อน ก่อให้เกิดความก้องกังวานอันแสนพิเศษให้แก่ผู้ศรัทธา สถานที่เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของปฏิสัมพันธ์ระหว่างเสียงกับสถาปัตยกรรมได้เป็นอย่างดี 

"Heritage Acoustics" หรือ "การอนุรักษ์เสียงในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์" โดยศึกษาปฏิสัมพันธ์ของเสียงในบริบทดังกล่าวนั้น ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นหลังเหตุเพลิงไหม้มหาวิหารนอเทรอดาม (Notre-Dame Cathedral of Paris) เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา ศาสตร์นี้มีเป้าหมายเพื่อเก็บรักษามรดกเสียงในอดีต ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการบูรณะ และสร้างประสบการณ์เสมือนจริง (VR) หรือจำลองเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ แม้ว่าในช่วงเริ่มต้นของการวิจัยจะมีอุปสรรคเรื่องค่าอุปกรณ์ที่สูง แต่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการบันทึกเสียงในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้การศึกษาศาสตร์นี้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และนักวิจัยมีความเข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างเสียงกับพื้นที่มากขึ้นด้วย

โดยพื้นฐานแล้ว การบันทึกเสียงสามารถทำได้โดยการติดตั้งไมโครโฟนในตำแหน่งที่กำหนดภายในพื้นที่ และบันทึกเสียงที่เกิดจากสิ่งกระตุ้น เช่น เสียงระเบิดของลูกโป่ง หรือเสียงปรบมือ เพื่อสร้างแบบจำลองที่แสดงลักษณะการเปลี่ยนแปลงของเสียงต่าง ๆ ภายในพื้นที่นั้น คล้ายกับการ “สแกน” ด้วยเสียง เพื่อล่วงรู้ว่าแต่ละจุดในพื้นที่ตอบสนองต่อเสียงอย่างไร ซึ่งคนทั่วไปก็เคยมีประสบการณ์กับกระบวนการพื้นฐานนี้ เช่น การได้ยินเสียงสะท้อนหรือการเปลี่ยนแปลงของเสียงเมื่อปรบมือหรือผิวปากในสถานที่ต่าง ๆ อันเป็นผลมาจากลักษณะเฉพาะของสถานที่นั้น ๆ ที่ว่ามานี้คือตัวอย่างหนึ่งของการศึกษาใน Heritage Acoustics


(Jan-Niclas Aberle / Unsplash)

เสียงที่กังวานหลังควันไฟที่จางหาย
15 เมษายน 2019 ภาพและวิดีโอของมหาวิหารนอเทรอดาม (Notre-Dame Cathedral of Paris) ที่กำลังลุกไหม้ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก เมื่อฝุ่นควันและเถ้าตะกอนเริ่มจางลง โลกเริ่มตั้งคำถามถึงวิธีการฟื้นฟูมหาวิหารขึ้นมาใหม่ แม้จะมีการพูดคุยกันมากเกี่ยวกับการฟื้นฟูความงามของมหาวิหารให้ถูกต้องตามต้นฉบับ แต่มีองค์ประกอบหนึ่งที่ไม่ได้รับความสนใจมากนักในตอนนั้น และเป็นสิ่งที่ไบรอัน แคทซ์ (Brian Katz) และ มิลีน ปาร์โดอ็อง (Mylène Pardoen) กังวลมากที่สุดนั่นคือ “เสียงของนอเทรอดาม”

คุณสมบัติหนึ่งของมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่คือความสามารถในการสะท้อนเสียงที่ดังก้องและยาวนาน (Reverberance) ก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ การเคาะส้นเท้าหรือการกระแอมไอภายในมหาวิหารนอเทรอดามสามารถสร้างเสียงดังก้องไปทั่วทั้งพื้นที่ นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้เยี่ยมชมต้องเดิน พูด และเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ และนี่ก็คือวิธีที่มหาวิหารนอเทรอดามแห่งปารีส หรือที่รู้จักกันในนาม “พระแม่มารีแห่งปารีส” สร้างความสงบให้แก่ผู้มาเยือน

ในขณะที่ผู้คนกำลังวางแผนการบูรณะมหาวิหาร ไบรอัน แคทซ์ นักวิทยาศาสตร์ด้านเสียง จากสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์แห่งชาติของฝรั่งเศสและทีมงาน ก็ได้เริ่มภารกิจของพวกเขาเช่นเดียวกัน โดยใช้การวัดเสียงและแบบจำลองคอมพิวเตอร์มาสร้างเสียงที่เกิดขึ้นในมหาวิหารก่อนจะนำมาศึกษา

การศึกษาของเขาประกอบกับโมเดลทางคอมพิวเตอร์ สามารถแปลงให้ดนตรีที่เล่นจากที่อื่น สามารถถูกรับฟังได้เสมือนถูกเล่นอยู่ในมหาวิหารนอเทรอดาม เขายังแสดงให้เห็นอีกว่า การบูรณะแบบไหนที่อาจส่งผลต่อปฏิสัมพันธ์ทางเสียงในมหาวิหาร และในอนาคต เขากำลังศึกษาเพื่อการคาดเดาลักษณะการก้องกังวานของเสียงในมหาวิหารตั้งแต่ในอดีต

นอกจากนี้ ตัวอย่างเสียงที่ได้จากการบันทึกและผ่านโมเดลทางคอมพิวเตอร์ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อีกหลายอย่าง เช่นโปรเจ็กต์ Ghost Orchestra การจำลองเสียงแบบเสมือนจริงในมหาวิหารนอเทรอดาม โดยมีทั้งการฟังเสียงที่เสมือนนั่งอยู่แถวหน้า แถวกลาง หรือแถวด้านข้าง เป็นต้น ผู้ที่สนใจ สามารถทดลองรับฟังได้ที่นี่

แม้การถ่ายภาพอาคารเก่าแก่จะเป็นเรื่องธรรมดา แต่การบันทึกเสียงในอดีตกลับไม่แพร่หลาย นักวิจัยหันมาสนใจศาสตร์ Heritage Acoustics มากขึ้นหลังเหตุการณ์เพลิงไหม้มหาวิหารนอเทรอดาม โดยนำความรู้ด้านเสียงและฟิสิกส์มาศึกษาประวัติศาสตร์เสียงที่ซ่อนอยู่ในโบสถ์ โรงละคร และสิ่งก่อสร้างสำคัญมากขึ้น


(Wilhelm Krennmayr / Unsplash)

ต่อยอดคุณสมบัติทางเสียงกับความคิดสร้างสรรค์
นอกเหนือจากเป้าหมายพื้นฐานของการศึกษาด้านนี้ อันได้แก่ เพื่อการอนุรักษ์ การเก็บบันทึกคุณลักษณะทางเสียงของสถานที่เพื่อรักษาเอกลักษณ์ที่จับต้องไม่ได้ของสถานที่นั้น ๆ และเพื่อการบูรณะในอนาคต การศึกษาเรื่องเสียงในพื้นที่ก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ แต่มันสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับความคิดสร้างสรรค์ในอีกหลากหลายรูปแบบ ทั้งการสร้างโมเดลเสียงที่แม่นยำของสถานที่หรือวัตถุ และยังสามารถนำมาใช้ร่วมออกแบบผสมกับประสบการณ์แบบ 3 มิติ โลกเสมือน (VR) หรือ ความเป็นจริงเสริม (AR) ทำให้นักวิจัยและผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงมรดกทางวัฒนธรรมได้จากระยะไกลได้ หรือแม้แต่เข้าถึงสถานที่ที่ไม่มีอยู่จริงแล้วก็ตาม

ตัวอย่างด้านการอนุรักษ์และวิจัย
โครงการ The OpenAIR Project ดำเนินงานโดยภาควิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยยอร์ก มีเป้าหมายเพื่อสร้างแหล่งข้อมูลออนไลน์ที่ครอบคลุมสำหรับการจำลองเสียงและการตอบสนองทางเสียง โดยในเว็บไซต์ของโครงการได้รวบรวมข้อมูลเสียงสะท้อนจากสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อนักวิจัยในการเปรียบเทียบวิธีการบันทึกเสียง นักพัฒนาเสียงในเกมที่ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมเสียงจำลอง หรือนักประพันธ์เพลงที่สนใจลักษณะการสะท้อนเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถเข้าชมข้อมูลได้ที่นี่

ตัวอย่างด้านการบูรณะ
ในด้านการบูรณะใหม่ การศึกษาด้านเสียงสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการบูรณะสถาปัตยกรรมทางวัฒนธรรมได้ เพื่อให้คุณภาพเสียงของสถานที่ได้รับการอนุรักษ์หรือปรับให้เหมาะสมกับการใช้งานใหม่ สิ่งนี้มีความสำคัญโดยเฉพาะกับบรรดาสถาปนิก วิศวกร นักนโยบาย และผู้ที่ดูแลสถานที่ อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรม

ตัวอย่างหนึ่งของการใช้งานนี้คือการศึกษาด้านเสียงของ Palatine Chapel ในพระราชวังหลวงที่เมืองคาเซอร์ตา ซึ่งได้ช่วยในการตัดสินใจปรับปรุงให้เหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุบันสำหรับการจัดแสดงคอนเสิร์ต โดยคำนึงถึงการอนุรักษ์เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ของสถานที่

ตัวอย่างด้านการต่อยอด
การศึกษาด้านเสียงเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการเข้าร่วมชมคอนเสิร์ตในโลกเสมือน และยังขยายฐานผู้ฟังได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น คอนเสิร์ตโอเปราเสมือนจริงที่จัดโดย The Metropolitan Opera ในนิวยอร์ก ซึ่งจำลองเสียงและสภาพแวดล้อมของสถานที่แสดงระดับโลกเพื่อให้ผู้ชมทั่วโลกได้สัมผัส แม้ตัวจะไม่ได้อยู่นิวยอร์ก ก็สามารถสัมผัสตัวโน้ตของโชแปง ความสั่นไหวแบบไชคอฟสกี หรือสุนทรียะของโมซาร์ตได้เหมือนนั่งฟังอยู่ในโรงละครโอเปร่าอันตระการตา 

“เสียงเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของประสบการณ์มนุษย์” เดเมียน เมอร์ฟี่ (Damian Murphy) นักวิทยาศาสตร์ด้านเสียงจากมหาวิทยาลัยยอร์ก ผู้ทำการศึกษาด้านเสียงในสถานที่ต่าง ๆ ตั้งแต่โรงงานช็อกโกแลตไปจนถึงห้องโถงของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เก่า กล่าว “แต่กลับเป็นสิ่งที่แทบไม่เคยถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เลย”

สิ่งที่ควรตระหนักก็คือ การเก็บอนุรักษ์เสียงเหล่านี้ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อจะบังคับให้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแบบแผนเดิมในอดีต หรือแช่แข็งเอาไว้ให้เหมือนเดิมตลอดกาล แต่มันเป็นการเพิ่มตัวเลือกให้แก่อนาคต เพราะศาสตร์ Heritage Acoustics ไม่เพียงบันทึกเสียงในอดีต แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญสู่การเข้าใจมรดกทางวัฒนธรรม และออกแบบประสบการณ์ใหม่ ๆ ในอนาคต ไม่ว่าจะเพื่อการอนุรักษ์หรือสร้างสรรค์

  ดังในกรณีของมหาวิหารนอเทรอดาม หากชาวปารีสต้องการจะบูรณะใหม่ พวกเขาสามารถเลือกได้ว่าอยากจะบูรณะกลับไปเหมือนก่อนเกิดเพลิงไหม้หรือไม่ หรือพวกเขาอยากจะสร้างอย่างแตกต่างไปเลยก็ทำได้ เช่นที่เดเมียน เมอร์ฟี่กล่าวว่า “ไม่มีอาคารประวัติศาสตร์ใดที่คงอยู่ในสภาพเดิมตลอดกาล ด้วยเหตุนี้ ไฟไหม้ครั้งใหญ่ซึ่งเป็นโศกนาฏกรรมอย่างยิ่ง จึงเป็นเพียงอีกหนึ่งช่วงตอนในชีวิตของมหาวิหารนอเทรอดาม”

ที่มา : เว็บไซต์ “The OpenAIR Project” 
เว็บไซต์ “Ghost Orchestra” 
เว็บไซต์ “Virtual Music Heritage” 
เว็บไซต์ “Acoustic Heritage Collective”
เว็บไซต์ “Norte-Dame Whispers” 
เว็บไซต์ “The Metropolitan Opera” 
บทความ “Exploring the importance of heritage acoustics with EuropeanaTech” โดย Gregory Markus 
บทความ “Giving Notre Dame back her unique voice” โดย Emily Conover 
บทความ “Heritage Acoustics Task Force” จาก Europeana 
บทความ “Five ways to use acoustics modelling” โดย Julien De Muynke