3 มิติเปลี่ยนโลก ตอนที่ 2

แนวคิดการสร้างเครื่องพิมพ์ขนาดยักษ์ที่สามารถพิมพ์บ้านทั้งหลังออกมาได้ในเวลาเพียง 2 วัน ดังที่กล่าวถึงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็น่าจะบ่งบอกถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยี 3 มิติกันไปแล้ว วันนี้เราไปดูเครื่องพิมพ์เชิงศิลปะสร้างสรรค์กันบ้าง

เอ็นริโก้ ดีนี่ เจ้าของบริษัทวิศวกรรมในอิตาลี ได้สร้างพร้อมจดสิทธิบัตรเครื่องพิมพ์ 3 มิติขนาดใหญ่ ที่มีชื่อว่า D-Shape โดยใช้เวลากว่า 10 ปีในการคิดค้นและพัฒนา พร้อมควบคุมระบบการทำงานด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และเพื่อแสดงความสามารถอันก้าวหน้าและโดดเด่นของ D-Shape เขาจึงได้ร่วมมือกับ Andrea Morgante สถาปนิกจาก Shiro Studio ในการออกแบบโมเดลรูปทรงที่ยากและใช้วิธีการที่การก่อสร้างแบบดั้งเดิมไม่สามารถทำได้

ในส่วนของวัตถุดิบ เอ็นริโก้หลีกเลี่ยงที่จะใช้คอนกรีตแต่ใช้ทรายและสารอนินทรีย์ ซึ่งเมื่อผสมกันแล้วจะมีคุณสมบัติเป็นหิน จึงมีความแข็งแรงทำให้ไม่ต้องใช้โครงสร้างเหล็กในการขึ้นรูป ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ความยืดหยุ่นในการเลือกใช้วัสดุนี้สะดุดความสนใจของบริษัทออกแบบและสถาปัตยกรรมชื่อก้องโลกอย่าง Foster+Partners และนำมาซึ่งการหารือกันถึงความเป็นไปได้ของโปรเจคการพิมพ์บนดวงจันทร์ โดยใช้ฝุ่นบนดวงจันทร์เป็นวัตถุดิบ!

ผลงานเด่นอีกชิ้นหนึ่งของเครื่องพิมพ์ D-Shape คือ รูปปั้นความสูง 2 เมตรในชื่อ Radiolaria รูปทรงโค้ง เว้า ที่งดงามและแปลกตานี้ คือคำประกาศความก้าวหน้าล้ำยุคของเทคโนโลยี 3 มิติ ที่สามารถปลดปล่อยไอเดียสร้างสรรค์ให้เป็นจริงได้อย่างไร้ขอบเขต ไม่ต้องถูกจำกัดจากขีดความสามารถของการก่อสร้างอีกต่อไป

ปัจจุบันทีมงานผู้พัฒนาเครื่องพิมพ์ D-Shape ได้จัดตั้งบริษัท D-Shape จำกัด ตั้งอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ผลิตและจำหน่ายเครื่องพิมพ์ 3 มิติ วัสดุและวัตถุสำหรับการพิมพ์ ตลอดจนบริการพิมพ์ 3 มิติต่างๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับบริษัทก่อสร้างแบบดั้งเดิมที่ยังใช้ซีเมนต์ คอนกรีต อิฐ และหินปูนอยู่ ตามวิสัยทัศน์ของเอนริโก้ ที่ต้องการให้อุตสาหกรรมก่อสร้างเป็นมิตรกับธรรมชาติให้มากขึ้น และใช้พลังงานที่น้อยลง พร้อมกับจัดสร้างอาคารราคาถูกให้กับผู้คนที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริงๆ ทั่วโลก TCDC ขอปรบมือให้กับเทคโนโลยีสำหรับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ที่มาพร้อมกับความยั่งยืนและความสวยงามที่ราคาไม่แพง

ข้อมูลและรูปจาก www.d-shape.com, www.archdaily.com